น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารโลก (World Bank) และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้ปรับลดเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยลงว่า ทางพรรคประเมินว่าเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไทยชะลอตัว แม้สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยภายนอก คือ ภาวะเศรษฐกิจโลก แต่ปัจจัยภายใน คือ การที่ยังไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นได้ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ไม่สามารถมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาได้ ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเดินหน้าออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
พร้อมระบุว่า ทางพรรคกังวลต่อสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง โดยแข็งค่าสุดในรอบ 6 ปี และแข็งค่าเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย ซึ่งหากรัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจในการช่วยเหลือภาคส่งออก ด้วยการออกมาตรการพยุงค่าเงินบาทนั้น ทางพรรคไม่เห็นด้วยซึ่งรัฐบาลควรรักษาเสถียรภาพของค่าเงินในระยะสั้น และเห็นว่ารัฐบาลควรสนับสนุนบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ที่ทำการส่งออกให้เข้าถึงเครื่องมือต่างๆ ที่ประกันความเสี่ยงได้ในราคาที่ถูกลง โดยการจ่ายค่าธรรมเนียมที่ถูกลง
"ขอเรียกร้องว่า การเข้าไปช่วยเหลือ ไม่ใช่การพยุงค่าเงิน แต่เป็นการให้ SMEs สามารถเข้าถึงเครื่องมือต่างๆ ที่ประกันความเสี่ยงได้" น.ส.ศิริกัญญาระบุ
อย่างไรก็ดี เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นก็มีประโยชน์ที่ทำให้ผู้นำเข้าสามารถนำเข้าสินค้าในราคาถูกลง ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่บริษัทจะลงทุนซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ในราคาถูก ดังนั้นจึงฝากรัฐบาลให้ใช้ช่องทางนี้ในการกระตุ้นการลงทุนในประเทศ แต่ก็เข้าใจว่าภาคเอกชนยังอาจไม่ตัดสินใจลงทุนในช่วงนี้ เพราะต้องรอการดูเสถียรภาพของรัฐบาลก่อน จึงยังไม่มั่นใจที่จะลงทุน
"ขอย้ำอีกครั้งว่า GDP พลาดเป้าจริง แต่เราไม่อยากให้โฟกัสแค่ GDP เพื่อให้มาตรการต่างๆ สอดคล้องกับความเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่ในประเทศ และเราเห็นด้วยกับการที่ค่าเงินไม่ควรแข็งค่าเร็วเกินไป แต่เราไม่อยากให้รัฐบาลออกมาตรการที่ไปแทรกแซงค่าเงินมากเกินไปเช่นกัน" น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
ส่วนกรณีที่กระทรวงการคลังเตรียมงบประมาณ 5 หมื่นล้านบาท เสนอรัฐบาลใหม่ใช้ในมาตรการกระตุ้นเศษฐกิจนั้น น.ส.ศิริกัญญา มองว่า หากจะลงไปช่วยเหลือระดับรากหญ้า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต้องใช้เม็ดเงินจำนวนที่มากกว่านี้ ซึ่งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2563 ที่จะล่าช้าไป 3 เดือนถือเป็นปัญหาใหญ่ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เร็วขึ้น
สำหรับโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ จะสร้างความเชื่อมั่นได้หรือไม่นั้น น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า สร้างความเชื่อมั่นได้เท่ากับ 5 ปีที่ผ่านมา เพราะ ครม.เศรษฐกิจก็เป็นคนเดิมหน้าเดิมเสียส่วนใหญ่ อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาได้มีโอกาสพบปะกับกลุ่มนักลงทุนรายย่อย ซึ่งมีเสียงสะท้อนว่ายังติดขัดปัญหาเรื่องของการลงมือทำ ซึ่งรัฐบาลก็มีโครงการที่ดี แต่มีปัญหาเรื่องการทำให้เกิดผลได้จริง จึงทำให้นักลงทุนยังเกิดความกังวลในเรื่องนี้
ส่วนการที่รัฐบาลประกาศพร้อมนำนโยบายฝ่ายค้านไปปรับใช้นั้น น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า นโยบายของพรรคเป็นนโยบายสาธารณะที่เปิดเผยทั่วไป หากรัฐบาลเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็สามารถนำไปปรับใช้ได้