พาณิชย์ พบนิติบุคคลขาดการส่งงบการเงินเกิน 3 ปีติดต่อกันกว่า 8 พันราย เตรียมถอนชื่อออกจากทะเบียน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday July 15, 2019 10:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ เดินหน้าตรวจสอบนิติบุคคลที่ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ล่าสุดพบนิติบุคคลขาดการส่งงบการเงินเกิน 3 ปีติดต่อกันจำนวน 8,519 ราย ไม่ชำระบัญชีให้เสร็จจำนวน 3,959 ราย เข้าข่ายเป็นห้างหุ้นส่วนบริษัทร้าง โดยนายทะเบียนจะพิจารณาดำเนินการขีดชื่อนิติบุคคลออกจากทะเบียนเพื่อปรับปรุงฐานข้อมูล และป้องกันการใช้ชื่อนิติบุคคลที่มิได้ทำการค้ามาหลอกลวงประชาชน เตือนนักธุรกิจก่อนลงทุนต้องตรวจสอบคู่ค้าให้ดีด้วยช่องบริการข้อมูลนิติบุคคลของกรมฯ

โดยในปีงบประมาณ 2562 กรมฯ จะดำเนินการถอนทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ออกจากทะเบียนจำนวน 8,519 ราย ด้วยเหตุจากไม่นำส่งงบการเงินย้อนหลังนานติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่ปีงบการเงิน 2558-2560 ซึ่งเป็นข้อสันนิษฐานว่ามิได้ทำการค้าขายหรือประกอบการงานแล้ว นอกจากนี้ยังพบนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกแล้วแต่ไม่ดำเนินการชำระบัญชีให้เสร็จสิ้นจำนวน 3,959 ราย ซึ่งกรมฯ จะประกาศรายชื่อนิติบุคคลดังกล่าวผ่าน www.dbd.go.th หัวข้อ คู่มือทำธุรกิจ เลือกบริการข้อมูล เลือกจดทะเบียนธุรกิจ และเลือกประกาศถอนทะเบียนร้างและคืนสู่ทะเบียน

"การดำเนินการในครั้งนี้เพื่อปรับปรุงฐานข้อมูลนิติบุคคลให้เป็นปัจจุบัน สร้างความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจให้แก่ภาคธุรกิจที่เข้ามาตรวจสอบข้อมูล และป้องกันความเสียหายจากกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ ทั้งนี้นิติบุคคลที่ตั้งอยู่ในต่างจังหวัด กรมฯ จะประสานสำนักงานพาณิชย์จังหวัดดำเนินการในแนวทางเดียวกัน" นายวุฒิไกร กล่าว

อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า นิติบุคคลที่เข้าข่ายจะถูกขีดออกจากทะเบียน กรมฯ ได้ใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาจากมูลเหตุหรือข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่ามิได้ทำการค้าขายหรือประกอบกิจการแล้วโดยพิจารณาใน 2 ประเด็นคือ นิติบุคคลที่ไม่นำส่งงบการเงินต่อกรมฯ เพื่อแสดงฐานะทางการเงินและผลการดำเนินกิจการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นับตั้งแต่ปีปัจจุบันย้อนหลังไป 3 ปีติดกัน และ นิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกแล้วแต่ไม่ดำเนินการใด ๆ เพื่อให้การชำระบัญชีเสร็จสิ้นภายใน 3 ปี ส่งผลให้ชื่อของนิติบุคคลนั้นยังคงค้างอยู่ในฐานข้อมูลทะเบียนของกรมฯ ซึ่งทำให้ข้อมูลไม่สอดคล้องกับจำนวนนิติบุคคลที่ยังมีตัวตนอยู่ในปัจจุบัน มากไปกว่านั้นอาจส่งผลต่อประชาชน ผู้ร่วมค้า หรือผู้ร่วมลงทุนที่อาจเข้าใจผิดว่านิติบุคคลเหล่านั้นยังคงดำเนินธุรกิจอยู่ และก่อให้เกิดความเสียหายจากการทุจริตหลอกลวงตามมา

"เมื่อนิติบุคคลถูกถอนทะเบียนร้างแล้วจะถือว่าสิ้นสภาพนิติบุคคล แต่ความรับผิดชอบของหุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการ ผู้จัดการ และผู้ถือหุ้นยังคงมีต่อไป อย่างไรก็ดีนิติบุคคลอาจฟื้นคืนสู่ทะเบียนได้โดยการร้องขอต่อศาลภายใน 10 ปี นับแต่วันที่นายทะเบียนขีดชื่อออกจากทะเบียน" นายวุฒิไกร กล่าว

อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า ปัญหาการก่ออาชญากรรมด้านการหลอกลวงให้ร่วมทำธุรกิจ หรือการสร้างความน่าเชื่อให้กับธุรกิจที่ไม่มีตัวตน โดยอ้างว่ามีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจขึ้นจริงจนเกิดคดีความฟ้องร้องกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นประเด็นที่กรมฯ ได้ให้ความสำคัญในการป้องกัน ปราบปรามไม่ให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นและขยายวงลุกลามไปกระทบกับเศรษฐกิจของประเทศไทย ดังนั้น กรมจึงขอแนะนำไปยังผู้ประกอบธุรกิจและประชาชนทั่วไปจะต้องตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคลก่อนการลงทุนหรือดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจทุกครั้ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ