กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.70-31.10 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 30.88 บาท/ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศมาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาท ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 6.2 พันล้านบาท แต่ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 1.77 หมื่นล้านบาท
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ฯ มองว่า นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังต่อมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นที่ ธปท.ประกาศในวันศุกร์ที่ผ่านมา โดย ธปท.ได้ปรับเกณฑ์ยอดคงค้าง ณ บัญชีสิ้นวันของบัญชีเงินฝากสกุลเงินบาทของผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศให้ลดลงเป็น 200 ล้านบาทต่อราย จากเดิมที่ 300 ล้านบาทต่อประเภทบัญชี ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม และยกระดับการรายงานข้อมูลการถือครองตราสารหนี้ไทยของนักลงทุนต่างชาติให้ลึกขึ้น มาตรการใหม่เหล่านี้อาจช่วยให้บาทอ่อนค่าได้ในระยะสั้น หลังจากแข็งค่ากว่า 6% เมื่อเทียบกับต้นปีที่ผ่านมา
"เรามองว่าการคาดการณ์ต่อนโยบายเศรษฐกิจของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ซึ่งจะมีการแถลงรายละเอียดต่อสภาในวันที่ 25 กรกฎาคม จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กำหนดทิศทางค่าเงินบาท โดยนโยบายที่หนุนการลงทุนและการใช้จ่าย ซึ่งมีผลส่วนหนึ่งจากการนำเข้าสินค้า อาจช่วยชะลอการแข็งค่าของบาทได้ในระยะยาว" กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ฯ ระบุ
สำหรับปัจจัยต่างประเทศ นักลงทุนเริ่มเทความสนใจไปที่ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักๆ อาทิ ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และเฟด ในช่วงปลายเดือนนี้ รวมทั้งการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของ สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และจีน และความเห็นของบุคคลสำคัญจากธนาคารกลางในแต่ละแห่ง ทั้งนี้ ความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ข้อพิพาททางการค้าที่ยืดเยื้อระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนต่อทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกยังคงกดดันตลาดการเงินต่อไป ขณะที่นักลงทุนบางส่วนมองว่ามีโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยนโยบายมากถึง 50 bps ในสิ้นเดือนนี้