ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์สเตอริงที่ตลาดปริวรรตเงินตราออสเตรเลียเช้าวันนี้ (13 ก.พ.) หลังจากที่มีข่าวว่านายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทเบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ อิงค์ เสนอให้ความช่วยเหลือบริษัทประกันหุ้นกู้ที่ประสบปัญหาในสหรัฐ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้ช่วยกระตุ้นบรรยากาศการซื้อขายในตลาดเงินทั่วโลกให้คึกคักมากขึ้น
ข่าวที่ว่าบริษัทเบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ จะเสนอรับประกันตราสารหนี้เทศบาลมูลค่า 8 แสนล้านดอลลาร์ให้กับบริษัทแอมแบค ไฟแนนเชียล กรุ๊ป และบริษัทเอ็มบีไอเอ อิงค์นั้น ได้ช่วยทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ที่เกิดขึนในตลาดสินเชื่อทั่วโลกได้
เมื่อคืนที่ผ่านมาค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์สเตอริง หลังจากที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเยอรมนีที่ปรับตัวสูงขึ้นเกินคาด รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคของอังกฤษที่พุ่งทะยานขึ้นได้ช่วยให้นักลงทุนต้องการเข้าถือครองสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์มากขึ้น
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ณ เวลา 07.20 น. ตามเวลาในประเทศไทย ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาแตะที่ 107.38 เยนต่อดอลลาร์ เมื่อเทียบกับระดับ 107.35 เยนต่อดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวที่ระดับ 1.458 ดอลลาร์ต่อยูโร หลังจากที่แข็งค่าขึ้นไปแตะ 1.4593 ดอลลาร์ต่อยูโรที่ตลาดนิวยอร์กคืนวานนี้ ส่วนเงินปอนด์สเตอริงซื้อขายกันที่ 1.9573 ดอลลาร์ต่อปอนด์ เมื่อเทียบกับระดับ 1.9617 ดอลลาร์ต่อปอนด์
จอห์น ไคเรียคูพูลอส นักวิเคราะห์จากเอ็นเอบี แคปิตอลกล่าวว่า "เศรษฐกิจสหรัฐ และกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป รวมถึงอังกฤษยังคงชะลอตัว และยังจำเป็นต้องพิจารณาความเสี่ยงที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก"
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงมาอยู่ในระดับ 90.34 เซนต์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 90.37 เซนต์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลียเมื่อคืนนี้ เนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลกดีดตัวขึ้นทำให้นักลงทุนต้องการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง รวมถึงสกุลเงินที่มีอัตราผลตอบแทนสูงมากขึ้น
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--