นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการรับฟังบรรยายภารกิจหน่วยงานในสังกัดว่า ในวันที่ 30 ก.ค. จะประชุมหัวหน้าหน่วยงานเพื่อมอบนโยบายอย่างเป็นทางการ แต่เนื่องจากแต่ละหน่วยงานมีข้อมูลค่อนข้างมาก จึงได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) รวบรวมสถานะของทุกหน่วยงาน และจะให้เวลา 1 เดือน เพื่อประเมินผลงาน โดยหลักการทำงานจะพิจารณาตามกฎหมายให้รอบคอบ
สำหรับแผนการลงทุนโครงการต่างๆ รมว.คมนาคม กล่าวว่า จะดูเรื่องความจำเป็นก่อน เช่น หากได้ทำแล้ว สามารถดำเนินการได้เป็นไปตามแผนหรือไม่ เพราะมีบางหน่วยงานที่ยังเบิกจ่ายงบประมาณไม่ได้ตามเป้าที่นายกรัฐมนตรีกำหนด เช่น ติดปัญหาเวนคืน ติดเรื่องการใช้ของหน่วยงานอื่นเป็นต้น เช่น กรณีค่าเวนคืนมอเตอร์เวย์ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ซึ่งกรมทางหลวง ที่ขณะนี้ได้เสนอเรื่องไปที่ครม.แล้ว แต่ยังไม่มีการพิจารณา ซึ่งหากดูข้อมูลแล้วไม่มีปัญหาก็ต้องเดินหน้าต่อ เพราะค่าเวนคืน ยิ่งจ่ายช้า ราคาจะยิ่งแพงขึ้นไปอีก
สำหรับเรื่องขยายระยะเวลาสัมปทานทางด่วนนั้น ได้มอบหมายการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) รวบรวมข้อมูลมารายงานก่อน ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะพิจารณาข้อมูล และเลือกแนวทางที่ดีที่สุด ที่สามารถอธิบายได้ คู่ขนานไป กับ ที่ทางสภาฯมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษากรณีการต่อสัญญาสัมปทานให้ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) จะต้องไล่ดูข้อมูลตั้งแต่ การศึกษาเป็นอย่างไร ดู TOR มีความสอดคล้องกับการผลศึกษาหรือไม่ และร่างสัญญาสอดคล้องกับ TOR หรือไม่ และทุกอย่าง มีการปฏิบัติถูกต้องตามสัญญาหรือไม่ เพื่อจะได้ไม่เป็นค่าโง่ หลักการจะต้องทำตามกฎหมาย
"ในส่วนของกระทรวง น่าจะได้ความชัดเจนก่อนที่ทางคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ที่สภา เพราะโครงสร้างของคณะกรรมาธิการใหญ่มาก"
ส่วนนโยบายพรรคและรัฐบาลเรื่อง แกร็บ (Grab) ถูกกฎหมาย ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงคมนาคมที่จะต้องเร่งผลักดัน โดยภายใน 1 เดือนจะต้องเห็นภาพชัดเจน เพราะยังมีขั้นตอนที่ต้องเสนอกฤษฎีกา และครม.อีก ซึ่งทางกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้มีการศึกษาแนวทางในการแก้กฎกระทรวง เพื่อให้มีการจดทะเบียนแกร๊บอย่างถูกต้องอย่างไร ไว้บ้างแล้ว รวมถึงการบริหารจัดการในเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ ขณะที่จะต้องมีการหารือทำความเข้าใจกันและรับฟังผู้ประกอบการรถแท็กซี่ด้วย