ผลสำรวจเอพีชี้ยอดบ้านถูกบังคับจำนองพุ่งกระทบตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐหนัก

ข่าวต่างประเทศ Wednesday February 13, 2008 12:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวเอพีบ่งชี้ว่า ยอดการขายบ้านที่ถูกบังคับจำนอง (foreclosure) หรือถูกยึดเมื่อผู้เป็นหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ได้ตามกำหนดที่มีปริมาณสูงขึ้นในขณะนี้ กำลังสร้างความเสียหายให้กับตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ โดยในรัฐแคลิฟอร์เนียนั้น 50% ของบ้านที่ขายได้ล้วนมาจากบ้านที่ถูกบังคับจำนองทั้งสิ้น
รัฐที่มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบจากกรณีการบังคับจำนองอย่างหนักไม่แพ้รัฐแคลิฟอร์เนีย คือ รัฐเนวาดา โคโลราโด เทนเนสซี มิชิแกน โอไฮโอ จอร์เจีย ฟลอริดา และอริโซนา โดยในเนวาดานั้น ยอดขายบ้านที่ถูกยึดปรับตัวเพิ่มขึ้น 17.5% ซึ่งสูงกว่าในปี 2549 หลายเท่า
ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐกล่าวว่า ยอดขายบ้านที่ถูกบังคับจำนองกำลังปรับตัวสูงขึ้นและส่งผลกระทบต่อตลาดที่อยู่อาศัยอย่างสาหัส ซึ่งส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยลดลงด้วย โดยเฉพาะในรัฐที่มาตรฐานการปล่อยกู้อยู่ในระดับที่ต่ำมาก
สำนักข่าวเอพีได้รวบรวมข้อมูลจากสมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐและบริษัท เรียลตี้ แทรค ซึ่งระบุว่า ยอดขายบ้านที่ถูกยึดในรัฐโคโลราโดในปี 2550 อยู่ที่ระดับ 15.6% เพิ่มขึ้น 10% จากในปี 2549 ส่วนยอดขายในรัฐแคลิฟอร์เนียพุ่งขึ้นแตะระดับ 11.3% จากระดับ 3.7% ยอดขายในรัฐเทนเนสซีทะยานขึ้นแตะระดับ 10.6% จากระดับ 5.2% และยอดขายในรัฐมิชิแกนเพิ่มขึ้นแตะระดับ 9.3% จากระดับ 4.9%
ส่วนยอดขายบ้านที่ถูกยึดโดยรวมทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงรัฐวอชิงตัน ดี.ซี. พุ่งขึ้น 4.7% ในปี 2550 เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่ระดับ 3.3%
อย่างไรก็ตาม คณะทำงานของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ ล่าสุดคณะทำงานของบุชร่วมมือกับสถาบันการเงินรายใหญ่ของสหรัฐ 6 ราย ซึ่งรวมถึงซิตี้กรุ๊ป อิงค์ เปิดตัวแผนการปล่อยกู้จำนอง ซึ่งมีเป้าหมายที่จะระงับขั้นตอนการบังคับจำนองหรือการยึดทรัพย์สินที่จำนองไว้ของกลุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้านที่กำลังประสบปัญหา
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า โดยแผนการณ์ใหม่นี้จะช่วยให้กลุ่มผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านสามารถชำระเงินกู้และดอกเบี้ยล่าช้าออกไป 90 วันหรือมากกว่านั้น เพื่อช่วยให้เจ้าของบ้านรอดพ้นจากการถูกบังคับจำนองหรือถูกยึดทรัพย์ภายในระยะเวลา 30 วัน ขณะเดียวกันจะมีการประเมินรูปแบบการปล่อยเงินกู้ ซึ่งรวมถึงเงินกู้เพื่อโครงการที่อยู่อาศัย มากกว่าที่จะมุ่งเน้นการปล่อยกู้จำนองแก่ซับไพรม์
สถาบันการเงินอีก 5 แห่งที่มีส่วนร่วมในโครงการ ''Project Lifeline'' ได้แก่ แบงค์ ออฟ อเมริกา คอร์ป, คันทรีไวด์ ไฟแนนเชียล คอร์ป, เจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค, วอชิงตัน มูชวล อิงค์ และเวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โค

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ