นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พร้อมคณะเข้าพบว่า ทางส.อ.ท.ได้เปิดข้อเสนอส่งมาให้รัฐบาลใน 3 เรื่อง คือ 1.เรื่องให้มีการจัดตั้งกองทุนนวัตกรรมที่ภาคเอกชนดำเนินการ แต่ร้องขอให้รัฐบาลให้การสนับสนุนด้านภาษี โดยขอหักภาษีได้ 3 เท่า เพื่อดึงดูดภาคเอกชนพัฒนาด้านนวัตกรรมให้มากขึ้น นั้น ทางรัฐบาลจะมีการส่งต่อเรื่องนี้ให้กับกระทรวงการคลังนำไปพิจารณาต่อไป ส่วนข้อ 2. เสนอให้มีการจัดประชุมร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) อย่างน้อย 2 ครั้งต่อปี รัฐบาลเห็นด้วยพร้อมดำเนินการ และข้อ 3 ในเรื่องของการจัดทำรายงานความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ เสนอให้มีตัวแทนจากส.อ.ท.เข้าไปร่วมทำงานด้วย
สำหรับเรื่องของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น นายสมคิด ให้ความเชื่อมั่นว่า ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)พยายามกำกับค่าเงินบาทอย่างเต็มที่ ซึ่งหากทางส.อ.ท.มีข้อเสนอในเรื่องใด สามารถส่งให้ทาง ธปท. ให้พิจารณาได้
ส่วนปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ส่งผลทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว และส่งผลให้การส่งออกของไทยติดลบ เพราะโครงสร้างการผลิตเป็นไปตาม Value Chian ของจีน เมื่อจีนมีปัญหาทำให้ไทยได้รับผลกระทบเช่นกัน ซึ่งคงเป็นเรื่องยากที่การส่งออกของไทยจะกลับมาเป็นบวกได้ รวมถึงปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
สำหรับนโยบายค่าแรงที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เคยหาเสียงขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400 บาทนั้น นายสมคิด ชี้แจงว่า ในเรื่องนี้คณะกรรมการไตรภาคีจะต้องพูดคุยกัน ซึ่งยอมรับว่า เป็นนโยบายของพรรคการเมืองที่เคยหาเสียงไว้ เพียงแต่ว่าการจะดำเนินการปรับขึ้นจะมีเงื่อนไข ทั้งการพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นต้น ซึ่งเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นไปในทิศทางที่ดี
ขณะที่นายสุพันธุ์ กล่าวว่า หลังจากได้หารือกับนายสมคิดแล้ว ทางภาคอุตสาหกรรมห่วงเรื่องกำลังซื้อของผู้บริโภค ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ปัญหาเรื่องการส่งออกที่ลดลง การปรับประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงผลกระทบสงครามทางการค้า จึงได้มีการมาเสนอแนวทางดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขอบคุณรัฐบาลที่ได้มีการปรับปรุง ยกเลิกกฎหมาย ที่มีความซ้ำซ้อนในการประกอบธุรกิจ รวมถึงเชื่อมั่นในการเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาล เพราะจะส่งผลดีในระยะกลาง และยาวได้
ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงนั้น ในวันนี้ไม่ได้หารือกับนายสมคิดโดยตรง แต่หลังจากนี้จะหาโอกาสเข้าไปพูดคุยกับรมว.แรงงานต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายสมคิดได้ฝากให้ภาคอุตสาหกรรม ตื่นตัวและพัฒนาตนเอง เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในด้านนวัตกรรมและดิจิทัล