นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตาหกรรม เข้าปฏิบัติงานที่กระทรวงวันแรก โดยมีผู้บริหารและข้าราชการของกระทรวงตั้งแถวรอต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง โดยนายสุริยะได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงก่อนจะขึ้นไปห้องทำงาน
นายสุริยะ กล่าวว่า หลังรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 25 ก.ค.แล้ว จะหาเวลาเข้าพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เข้าตรวจเยี่ยมสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ราวต้นเดือนสิงหาคม เพื่อหารือเกี่ยวกับภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจากปัญหาสงครามการค้าจนส่งผลกระทบมาถึงประเทศไทย
นอกจากนี้จะหารือกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อผ่อนปรนเรื่องกฎเกณฑ์ กฎระเบียบต่างๆ ในการขอสินเชื่อให้แก่ SME ที่ติดแบล็คลิสต์ จะเข้าไปปรับรายละเอียดการปล่อยกู้ของกองทุนเอสเอ็มอีต่างๆที่มีอยู่ให้การปล่อยกู้คล่องตัวแบบทะลวงท่อ และไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติ ซึ่งวันนี้มีกำหนดจะเข้าหารือนายอุตตม สาวนายน รมว.คลังด้วย
"หากมองในภาพรวม แม้ NPL ของ SME Bank จะสูงกว่าธนาคารพาณิชย์ แต่ถ้ามองลึกลงไปในรายละเอียดจะพบว่าประโยชน์ที่ SME Bank จะได้รับมากกว่าหนี้เสียหลายเท่าตัว...เชื่อว่าจะได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการคลังเพราะท่านอุตตมก็เคยเป็น รมว.อุตสาหกรรมมาก่อนซึ่งจะเข้าใจงานของกระทรวงเป็นอย่างดี"นายสุริยะ กล่าว
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ยังแสดงความมั่นใจว่าหลังรัฐบาลแถลงนโยบายจะสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนภาคอุตสาหกรรมครึ่งปีหลัง 2562 บรรยากาศการลงทุนจะกลับมาเพราะจากที่ได้พบปะกับนักลงทุนโดยเฉพาะญี่ปุ่น พบว่านักลงทุนยังคงมุ่งเป้าและมองไทยเป็นฐานการลงทุนที่สำคัญ โดยเฉพาะการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งตนมีแผนจะลงพื้นที่ EEC ในเร็วๆ นี้ด้วยเพื่อศึกษาภาพรวมและจะนำโมเดลการพัฒนา EEC ไปใช้กับภูมิภาคอื่นๆ ที่ยังมีความเหลื่อมล้ำ รวมทั้งจะเชื่อมโยง SME กับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในพื้นที่ EEC โดยเฉพาะการส่งเสริมการใช้ชิ้นส่วนการผลิตในประเทศมากขึ้นแต่ต้องมาดูรายละเอียดอีกครั้ง
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ภายใน 100 วัน ทุกเรื่องมีแผนปฏิบัติการชัดเจนเพื่อให้กลไกภาคอุตสาหกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เดินหน้าต่อไปได้ เพราะจากการที่ได้ศึกษาและปรึกษากับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงในช่วงเกือบ 10 วันที่ผ่านมาแล้ว พบว่ายุทธศาสตร์ที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดทำไว้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve) 12 ด้าน การช่วยเหลือ SME เรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นยุทธศาสตร์ที่เหมาะสม แต่อยู่ที่ว่าภาคปฏิบัติจะทำให้แผนงานเหล่านั้นได้ผลจริงได้หรือไม่ ซึ่งจะปรึกษาหารือ ส.อ.ท. และรองนายกฯ สมคิดจะเข้ามาดูแลในภาพรวมด้วย
"การมารับตำแหน่งที่กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ผมและผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องทำงานอย่างหนักที่สุดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะสาเหตุว่าสภาพเศรษฐกิจของทั่วโลกที่ตกต่ำเกิดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งประเทศไทยก็โดนหางแถวไปด้วย ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนมีอัตราการเจริญเติบโตต่ำที่สุดในรอบ 28 ปี สิงคโปร์ตกต่ำในรอบ 10 ปี"นายสุริยะ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้จะทำงานคนเดียวไม่มีรัฐมนตรีช่วยเหมือนกระทรวงอื่นๆ ก็ไม่มีปัญหา แต่คาดว่านายกรัฐมนตรีอาจจะมีแต่งตั้งบุคคลมาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี
ส่วนกรณีที่เป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่ฝ่ายค้านเตรียมจะอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นายสุริยะ มั่นใจว่าสามารถชี้แจงได้ในทุกประเด็นทั้งคดีค้างเก่า รวมถึงกรณีที่มีการมองว่าการเข้ามาทำงานจะเอื้อประโยชน์ทับซ้อนกับธุรกิจของครอบครัว