นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ระบุว่า ในช่วงสัปดาห์หน้า ได้เตรียมจะชี้แจงกรณีที่หลายฝ่ายมีข้อสงสัยหลากหลายประเด็นด้านพลังงาน ทั้งในส่วนของการพิจารณาแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาวของประเทศ ปี 2561-2580 (PDP2018), การให้สิทธิ บมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH) พัฒนาโรงไฟฟ้าเพื่อความมั่นคงภาคตะวันตก 1,400 เมกะวัตต์ (MW) รวมถึงการที่รัฐบาลจะพัฒนาโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ที่จะมีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) โดยที่มีข้อกังขาว่าการนำเข้า LNG ดังกล่าวไม่ได้ถูกระบุในแผนการจัดหาก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan) เป็นต้น
"ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็น นโยบายอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ก็จะดำเนินการตามนั้น ข้อเสนออะไร เราก็พร้อมพิจารณา ส่วนโรงไฟฟ้าเพื่อความมั่นคงภาคตะวันตกที่มีการลงนามสัญญาซื้อขายแล้วนั้น ก็จะดูแลให้เป็นธรรมและโปร่งใส ส่วนจะทบทวนได้หรือไม่นั้น ก็ต้องไปดูข้อกฎหมายก่อน"นายสนธิรัตน์ กล่าว
พร้อมระบุว่า กระทรวงพลังงานจะเดินหน้าผลักดันการกระจายชนิดของเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า ทั้งจากฟอสซิล และพลังงานทดแทนให้มีความเหมาะสม รวมถึงมีเสถียรภาพด้วยราคาที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไป โดยหลักเกณฑ์จะเป็นไปตามหลักของสหประชาชาติ คือ ประชาชนเข้าถึงด้วยต้นทุนที่ไม่แพง (Affordable) และส่งเสริมพลังงานสะอาด ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยยืนยันส่งเสริมพลังงานทดแทน พลังงานชุมชน แต่จะมีสัดส่วนมากน้อยเท่าใด ก็ต้องให้เกิดสมดุลไม่สร้างภาระค่าไฟฟ้าต่อประชาชน
ส่วนโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ซึ่งเป็นการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) เพื่อใช้เอง และนำส่วนเกินที่เหลือจากการใช้ไปขายต่อให้กับการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายนั้น ที่กำหนดอัตราการรับซื้อ 1.68 บาท/หน่วย จะมีการทบทวนหรือไม่นั้น ก็คงต้องพิจารณาต่อไปเพื่อทำให้ประชาชนมีแรงจูงใจที่จะเข้าร่วมโครงการมากขึ้น แต่ต้องอยู่บนหลักการค่าไฟฟ้าที่จะส่งผ่านให้กับประชาชนจะต้องไม่แพง
สำหรับการแก้ปัญหาราคาปาล์มนั้น รมว.พลังงาน กล่าวว่า ได้มอบหมายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บมจ.ปตท. (PTT) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันดูให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน โดยระยะสั้น เร่งรัดให้ กฟผ.เปิดประมูลรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ในส่วนที่เหลือจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกกว่า 1.33 แสนตันโดยเร็วที่สุด ส่วนราคาจะเท่ากับราคาที่รับซื้องวดที่ผ่านมาที่ 16.50 บาท/กิโลกรัม (กก.) หรือไม่นั้น ให้ กฟผ.ไปหารือร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ต่อไป ขณะเดียวกันก็จะนำมาเป็นส่วนผสมในน้ำมันดีเซล เป็น B10 และ B20 ควบคู่กันไปด้วย