ภาวะตลาดเงินบาท: เย็นนี้อยู่ที่ 30.83 แกว่งกรอบแคบ ตลาดรอดูสัญญาณดอกเบี้ยนโยบายของเฟด

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 30, 2019 16:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเย็นนี้อยู่ที่ 30.83 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อยจากเปิด ดตลาดเช้าที่ระดับ 30.85 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 30.82-30.86 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดรอดูที่ ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ว่าจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยในอนาคตอย่างไร

"บาทแข็งค่าเล็กน้อย ระหว่างวันแกว่งตัวในกรอบแคบๆ รอผลประชุม FOMC ว่าจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยใน อนาคตอย่างไร" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน ประเมินเงินบาทวันพรุ่งนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.75 - 30.85 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 30.8208 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 108.79 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 108.79 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1137 ดอลลาร์/ยูโร
  • กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดจะมุ่งความสนใจไปที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) วันที่ 30-
31 ก.ค. โดยคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ช่วง 2.00-2.25% ขณะที่การประเมินภาวะเศรษฐกิจและท่าทีต่อการผ่อน
คลายนโยบายการเงินของเฟดในช่วงที่เหลือของปี จะเป็นปัจจัยชี้นำสำคัญสำหรับตลาดการเงิน

ทั้งนี้ หากเฟดไม่ระบุชัดว่าจะปรับลดดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่อง จะกระตุ้นแรงซื้อเงินดอลลาร์ หนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตร และกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายออกจากตลาดเกิดใหม่ นอกจากนี้ นักลงทุนจะติดตามการประชุมธนาคารกลาง ญี่ปุ่น (BOJ) ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลายรายการ อาทิ ดัชนีภาคบริการและการจ้างงาน รวมถึงการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่จาก สหรัฐฯ และจีนในสัปดาห์นี้

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ค. ซึ่งคาดว่าเงินเฟ้อทั่วไปอาจ ขยับขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลของภัยแล้ง อย่างไรก็ดี ยังมองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.75% ใน การประชุมวันที่ 7 ส.ค. ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวย้ำว่าการตัดสินใจนโยบายการเงินของไทยจะขึ้นอยู่กับภาวะ เศรษฐกิจในประเทศและข้อมูลที่ได้รับ

  • สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน มิ.ย.62 อยู่ที่ 100.49 หดตัว
5.54% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รับผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ชะลอตัวต่อเนื่อง และส่งผลให้ดัชนีผลผลิต
อุตสาหกรรมในไตรมาส 2/62 หดตัวลง 2.64% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดว่าปีนี้การส่งออกของไทยจะมีมูลค่า
251,338 ล้านดอลลาร์ หดตัว -0.64% ซึ่งถือว่าเป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 4 ปี
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) "ประยุทธ์ 2"นัดแรกในวันนี้มีมติเห็นชอบจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ โดยนายกรัฐมนตรี
เป็นประธาน ประกอบด้วยรองนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การทำงานในแต่ละกระทรวงมีความสอดคล้องกัน จึงจำเป็นต้องมีการหารือ
ร่วมกันตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง พร้อมทั้งได้มีการแบ่งงานภายใต้การกำกับของรองนายกรัฐมนตรีแล้ว

สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลัง แต่จะเน้น การกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่วนเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐและรัฐวิสาหกิจได้ให้แนวทางให้มีการจัดทำให้สอด คล้องกับแผนงบประมาณในปี 2563

  • ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับลดเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อรวมในปี 62 เหลือโต 5%
จากเดิมตั้งเป้าไว้โต 8% หลังจากสินเชื่อรวมของธนาคารในช่วงครึ่งปีแรกพลาดเป้าหมาย โดยเติบโตเพียง 2.1% เป็นผลมาจากการหด
ตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 2.7% และมีสัดส่วนที่ลดลงเหลือ 45% จากเดิมที่ 47% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ซึ่งเป็นผลมาจากการซื้อรถยนต์
ชะลอตัว โดยเฉพาะรถยนต์มือสองที่ธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อมากถึง 63% เมื่อเทียบกับรถยนต์ใหม่ที่ 37%
  • รัฐมนตรีกระทรวงการค้าเกาหลีใต้เปิดเผยว่า นักธุรกิจและเจ้าหน้าที่รัฐบาลของสหรัฐกล่าวว่า ความขัดแย้งด้านการค้า
ระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงนโยบายการเงินในการประชุมวันนี้ ซึ่งรวมถึงการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ที่
ระดับ -0.1% และสัญญาณชี้นำล่วงหน้า (Forward guidance) สำหรับอัตราดอกเบี้ย ซึ่งบ่งชี้ว่า BOJ จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดัง
กล่าวต่อไปอีก
  • ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันนี้ โดยกล่าวว่า BOJ จะไม่ลังเลในการผ่อนคลาย
นโยบายการเงิน หากพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็น
  • นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษเตรียมเดินสาย เพื่อกดดันสหภาพยุโรป (EU) ให้เจรจาต่อรองเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อตกลงใน
การถอนตัวของอังกฤษจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่ดีขึ้น
  • นักลงทุนรอดูผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ รวมทั้งการเจรจา
การค้าระหว่างจีนและสหรัฐ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ