นายฟ่าน กัง ที่ปรึกษาธนาคารกลางจีนกล่าวว่า จีนกำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนม.ค.ทะยานขึ้นเหนือระดับ 7%
"จีนกำลังเผชิญความท้าทายในการสกัดกั้นเงินเฟ้อและควบคุมค่าเงินหยวนให้อยู่ในระดับทรงตัวในเวลาเดียวกัน หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว 5 ครั้งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้" นายฟ่านแสดงความคิดเห็นต่อผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์พีเพิลส์เดลี
"ธนาคารกลางจำเป็นต้องยึดมั่นในนโยบายคุมเข้มด้านการเงินเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยของจีนในขณะนี้ยังอยู่ในระดับต่ำเกินไป ขณะที่ระดับราคาผู้บริโภคกลับเคลื่อนไหวในระดับสูง ส่วนอัตราเงินฝากระยะสั้นยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ทำให้ธนาคารกลางอาจถูกกดดันให้ขึ้นดอกเบี้ย" เขากล่าว
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ธนาคารกลางจีนได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว 6 ครั้งในปีที่แล้ว และปรับเพิ่มสัดส่วนสำรองสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์แล้ว 10 ครั้ง เพื่อชะลออัตราการลงทุนและสกัดกั้นเงินเฟ้อ โดยนายฟ่านเชื่อว่าธนาคารกลางจีนจะยังคงใช้นโยบายด้านการเงินเป็นเครื่องมือในการชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจต่อไป
ในช่วงเช้าวันนี้ เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 0.1% แตะที่ 7.1900 หยวนต่อดอลลาร์ เมื่อเทียบกับระดับ 7.2000 หยวนต่อดอลลาร์เมื่อวานนี้ โดยในปีนี้ เงินหยวนยังแข็งค่าขึ้นมาแล้ว 1.6% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่แข็งค่าขึ้นประมาณ 7% ในปีที่ผ่านมา และ 3.4% เมื่อปี 2549
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--