รมว.พลังงาน วางเป้า 3 เดือนเร่งปรับแผน PDP เพิ่มพลังงานทดแทน-ผลักดันใช้ B10-ช่วยผู้มีรายได้น้อยใช้พลังงานราคาถูก

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 5, 2019 13:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน กล่าวในงานเสวนาเรื่อง "Roadmap to Success: Up Close with Thailand's New Ministers" ในงานสัมมนา BANGKOK POST FORUM 2019 ทิศทางประเทศไทยภายใต้รัฐบาลใหม่ว่า กระทรวงพลังงานเตรียมผลักดันแผนการดำเนินสำคัญในช่วง 3 เดือน ด้วยการปรับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ ปี 2561-2580 (PDP2018) ให้มีความเหมาะสมด้วยการเพิ่มการพัฒนาพลังงานทดแทนไปสู่ชุมชนมากขึ้นในรูปแบบของโรงไฟฟ้าชุมชนที่จะเป็นความร่วมมือระหว่างองค์กร หรือเอสเอ็มอี กับภาคชุมชน ซึ่งอาจจะเป็นการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟ โซลาร์ฟาร์ม ไบโอก๊าซ ไบโอแมส โดยเป็นการผลิตเพื่อใช้เอง และในชุมชน หากเหลือให้ขายส่วนเกินเข้าระบบ โดยใช้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เป็นกลไกในการขับเคลื่อน โดยจะปรับเกณฑ์การส่งเสริมให้เหมาะสมเพื่อรองรับการลงทุนดังกล่าวไม่ใช่เฉพาะแค่โรงไฟฟ้าอย่างเดียว แต่จะรวมถึงเชื้อเพลิงและความร้อนด้วย ซึ่งคาดว่าในช่วงกลางเดือนส.ค.นี้จะมีกรอบการพิจารณาและการปรับแก้เกณฑ์การส่งเสริมของกองทุนฯออกมา พร้อมกับการยังคงส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานต่อเนื่อง

สำหรับโครงการโซลาร์ชุมชนที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่ไม่ได้รับความสนใจมากนัก ก็จะกลับไปดูรายละเอียดและเงื่อนไขเพื่อจูงใจให้มีการลงทุนมากขึ้นด้วย

สำหรับการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานนั้น กระทรวงพลังงานให้ความสำคัญกับการกระจายสัดส่วนเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าให้เหมาะสม ทั้งก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และพลังงานทดแทน โดยภายใน 1-2 วันนี้ ได้เรียกประชุมทีมงานกระทรวงพลังงาน ว่าจะปรับสัดส่วนพลังงานทดแทนอย่างไร รวมถึงเรื่องก๊าซธรรมชาตินั้น ก็จะต้องมีการวางแผนงานเพื่อดูแลความมั่นคงในระยะยาวด้วย

รมว.พลังงาน กล่าวอีกว่า ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (disruptive technology) ที่ผู้ใช้ไฟฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นผู้ผลิต ทำให้จะต้องสนับสนุนเรื่องสมาร์ทกริด และระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนให้ทิศทางค่าไฟฟ้าถูกลง

นอกจากนี้จะมีการยกระดับพืชพลังงานให้มีบทบาทมากขึ้น สอดคล้องกับความเป็นประเทศเกษตรกรรม โดยจะผลักดันการใช้ B10 ให้เป็นน้ำมันดีเซลมาตรฐานแทน B7 ซึ่งจะทำให้มีการใช้น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) มากขึ้น และส่งเสริมการใช้น้ำมัน B20 ในกลุ่มฟลีทรถขนาดใหญ่ต่อเนื่อง

โดยมีเป้าหมายจะสร้างสมดุล CPO ในไทยกับการนำมาใช้ภายในประเทศมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันการผลิต CPO ในประเทศอยู่ที่ราว 3 ล้านตัน/ปี ขณะที่หากมีการส่งเสริมการใช้ B10 และ B20 ตามมาตรการดังกล่าวก็เชื่อว่าจะสามารถผลักดันการใช้ CPO ได้ถึง 2 ล้านตัน/ปี ก็จะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมปาล์มในประเทศ และสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศ หลังจากนั้นก็จะผลักดันเรื่องการใช้เอทานอลเรื่องเป็นเชื้อเพลิงพลังงานในระยะต่อไป

รมว.พลังงาน กล่าวอีกว่า นโยบายเร่งด่วนอีกแนวทางหนึ่งคือการดูแลราคาพลังงานสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยทั้งในส่วนของค่าไฟฟ้าและก๊าซหุงต้ม (LPG) ซึ่งคงจะต้องหารือร่วมกับกระทรวงการคลังต่อไป ขณะเดียวกันในส่วนของชุมชนรอบโรงไฟฟ้าก็อาจจะได้รับสิทธิพิเศษเรื่องค่าไฟฟ้าด้วย เพราะเป็นชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ซึ่งในส่วนนี้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ก็รับเรื่องดังกล่าวไปดูแลแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ