ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์สเตอริงที่ตลาดปริวรรตเงินตราออสเตรเลียเช้าวันนี้(15 ก.พ.) หลังจากที่อ่อนค่าลงเมื่อคืนที่ผ่านมา จากการที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาเตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะซบเซาไปจนถึงปลายปีนี้ พร้อมทั้งส่งสัญญาณว่า ธนาคารกลางพร้อมที่จะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ดีขึ้น
นอกจากนี้ นายอาเซล เวเบอร์ คณะกรรมการธนาคารกลางยุโรปออกมาส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยประกอบกับตัวเลขเงินเฟ้อของอังกฤษที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อช่วงที่ผ่านมายังเป็นปัจจัยที่กดค่าเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่าลงเมื่อคืนด้วยเช่นกัน
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ค่าเงินยูโรซื้อขายกันที่ 1.4637 ดอลลาร์ต่อยูโร เมื่อเทียบกับระดับ 1.4639 ดอลลาร์ต่อยูโรที่ตลาดนิวยอร์กคืนวานนี้ หลังจากที่นายเวเบอร์ กล่าวว่า ธนาคารกลางยุโรปเห็นถึงแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในระยะยาว ซึ่งนั่นเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าธนาคารจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ขณะที่เงินปอนด์สเตอริงเคลื่อนไหวที่ 1.9685 ดอลลาร์ต่อปอนด์ เมื่อเทียบกับ 1.9689 ดอลลาร์ต่อปอนด์เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะที่ 107.86 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 107.92 เยนต่อดอลลาร์
จอห์น ไคเรียคูพูลอส นักวิเคราะห์จากเอ็นเอบี แคปิตอล กล่าวว่า "ความคิดเห็นของนายเบอร์นันเก้ส่วนใหญ่สะท้อนให้เห็นถึงความวิตกกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธนาคารกลางและตลาดหุ้นนิวยอร์กอาจเห็นพ้องให้มีการลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อช่วยกระตุ้นให้มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นและเพื่อแก้ปัญหาสินเชื่อที่ซบเซาอันเป็นต้นเหตุที่ยับยั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจ จนส่งผลกระทบต่อเงินดอลลาร์สหรัฐ "
สำหรับเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ 90.19 เซนต์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย เมื่อเทียบกับ 90.14 เซนต์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย จากกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางออสเตรเลียจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--