นายเดชา จาตุธนานันท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กล่าวว่า กสอ. ได้ดำเนินโครงการเตรียมความพร้อมเอสเอ็มอี เพื่อเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2560 มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปีงบประมาณ 2562 ซึ่งมุ่งเน้นส่งเสริมและสนับสนุนให้เอสเอ็มอีสามารถพัฒนาศักยภาพตนเอง เพื่อเตรียมความพร้อมธุรกิจในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีเอสเอ็มอี เข้าร่วมโครงการฯ และผ่านกระบวนการขั้นตอนคัดเลือกที่มีประสิทธิภาพรวมทั้งสิ้น 10 กิจการ
ปัจจุบันมีบริษัทที่สามารถแปรสภาพจากบริษัทจำกัด เป็นบริษัทมหาชน และดำเนินการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขาย (Derivative Warrants: DW ซึ่งเป็นตราสารที่ผู้ออกให้สิทธิกับผู้ซื้อในการซื้อหุ้น) และร่างหนังสือชี้ชวน (แบบ filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไปแล้ว จำนวน 1 ราย และมีบริษัทที่อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมข้อมูลเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ภายในปี 63 อีก 3 ราย ส่วนที่เหลือมีเป้าหมายเข้าจดทะเบียนภายในปี 65
สำหรับบริษัทที่อยู่ระหว่างยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนในตลาด mai คือ บมจ. อินฟราเซท ส่วนบริษัทที่มีแผนจะยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนในปี 63 คือ บริษัท โรแยล พลัส จำกัด และ บริษัท เวสเทิร์น เดคอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
"กสอ. มีบทบาทและภารกิจในการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเอสเอ็มอีให้เกิดขึ้น สามารถอยู่รอด และเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ mai จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดและขยายธุรกิจผ่านการระดมทุนในตลาดทุนของไทย สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และมีโอกาสในการเลือกระดมทุนผ่านการออกหลักทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ได้ง่าย เช่น หุ้นกู้ หุ้นกู้แปลงสภาพ อีกทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับกิจการ ทำให้บริษัทเป็นทีรู้จักและได้รับการยอมรับของสาธารณชนมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ สำหรับกิจการที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ mai เหล่านี้ ถือเป็นต้นแบบในการพัฒนาเพื่อขยายผลให้เอสเอ็มอีอื่น ๆ สามารถศึกษาแนวทางการพัฒนา วิธีการดำเนินงาน ตลอดจนกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อนำไปปรับใช้ในธุรกิจของตน นำไปสู่มูลค่าทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นได้" นายเดชา กล่าว