นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างมอบนโยบายให้ผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมว่า จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนในขณะนี้เนื่องจากผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องช่วยเหลือ SMEs ที่มีสัดส่วนถึง 90% ของผู้ประกอบการทั้งหมด
ดังนั้นขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสินเชื่อจากทุกภาคส่วนมาช่วยเหลือ ส่วนกรณีที่มีหนี้ค้างเก่าก็ขอให้พิจารณาปรับโครงสร้างหนี้ เพราะ SMEs นั้นเป็นฐานรากของระบบเศรษฐกิจ
นโยบายเรื่องต่อมาคือ การนำอุตสาหกรรมเข้ามาช่วยยกระดับภาคเกษตรให้เป็นเกษตรอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า เช่น การแปรรูปสินค้าเกษตร หรือการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม โดยหน่วยงานภาครัฐต้องสร้างความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนนโยบายให้กับภาคเอกชน เพื่อที่จะเข้ามาเป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนา
"หากภาคอุตสาหกรรมไม่เร่งปรับโครงสร้างจะไม่สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ เช่น เวียดนามที่มีค่าแรงถูกกว่า แต่การพัฒนาเทคโนโลยีอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ดังนั้น จะต้องหาแนวทางที่จะดึงนักลงทุนที่กำลังย้ายฐานการผลิตที่เวียดนามให้เข้ามาลงทุนในไทย"นายสมคิด กล่าว
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ การสนับสนุนให้มี Start up จำนวนมากเพื่อให้การพัฒนามีความแข็งแรง โดยให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จัดหาที่ดินเพื่อตั้งศูนย์ส่งเสริม ขณะที่การพัฒนาในส่วนนี้ภาคเอกชนไม่ได้ต้องการงบสนับสนุนมากนัก
นายสมคิด กล่าวว่า การสนับสนุนการจัดตั้งคลัสเตอร์แต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมต้องให้มีความพร้อมและชัดเจน เพื่อเกิดแรงดึงดูดและความเชื่อมั่นที่จะลงทุน