นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯ ตระหนักถึงปัญหาการระบาดของโรคไวรัสใบด่างมันสำปะหลังที่กำลังระบาดเป็นวงกว้างในประเทศเพื่อนบ้าน จึงได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์การระบาดอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ซึ่งขณะนี้ กรมฯ อยู่ระหว่างเตรียมจัดชุดตรวจสอบมาตรฐานมันเส้นที่นำเข้า (Mobile Unit) ลงพื้นที่ตามแนวชายแดน เพื่อตรวจสอบมันเส้นที่นำเข้าไม่ให้มีความชื้นเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด คือ 14%
เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่ามันเส้นที่นำเข้ามา อาจมีเหง้าซึ่งเป็นพาหะของโรคปะปนมาด้วย และหากมันเส้นมีความชื้นสูงความเสี่ยงที่จะติดโรคก็จะสูงตามไปด้วย โดยหากตรวจพบว่าผู้นำเข้ามันเส้นที่มีความชื้นสูงเกินกว่าที่กำหนด ก็จะถูกลงโทษตามกฎหมาย
"กรมฯ จะจัดชุดลงพื้นที่ตรวจสอบมันเส้นที่นำเข้าตามแนวชายแดนไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการระบาดของโรคซึ่งทำให้เกิดความเสียหายและจะแก้ไขได้ยาก" อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศระบุ
ที่ผ่านมา กรมฯ ได้ออกประกาศกำหนดด่านนำเข้ามันสำปะหลัง ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2562 และยังได้เข้าพบเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรกัมพูชา และ สปป.ลาว ประจำประเทศไทย เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางป้องกันโรคไวรัสใบด่างมันสำปะหลังของไทยที่ได้กำหนดด่านนำเข้ามันสำปะหลัง เพื่อให้การกำกับดูแลมันสำปะหลังที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนขอความร่วมมือให้ทั้ง 2 ประเทศกำกับดูแลโรคพืชอย่างเข้มงวดอีกด้วย
นายอดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมฯ มีความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของโรคไวรัสใบด่างมันสำปะหลัง หากเข้ามาระบาดในไทยจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมมันสำปะหลังของไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งต้นมันสำปะหลังที่ติดโรคจะทำให้ผลผลิตเสียหายสูงถึง 80 - 100% โดยจะทำให้ผลผลิตมันสำปะหลังของไทยซึ่งมีปริมาณกว่า 30 ล้านตันต่อปี ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อมูลค่าการส่งออกอุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทยและอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆ ที่มีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี โดยพาหะสำคัญของโรคใบด่างมันสำปะหลัง คือ แมลงหวี่ขาวยาสูบ ท่อนพันธุ์ที่ติดเชื้อ และเหง้ามันสำปะหลัง
สำหรับสถิติการส่งออกมันสำปะหลังใน 6 เดือนแรกของปี 2562 (มกราคม-มิถุนายน) ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ปริมาณ 4.02 ล้านตัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 18.80% มูลค่า 1,489 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.54%