นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เร่งพัฒนาผู้ประกอบธุรกิจดูแลผู้สูงอายุให้สามารถบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการตลาด การบริหารทรัพยากรบุคคล การบริหารจัดการความเสี่ยงในธุรกิจ การบริหารภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมาย การจัดทำแผนการเงิน การวางแผนเชิงกลยุทธ์ และการสร้างโมเดลธุรกิจ เพื่อยกระดับให้ธุรกิจเป็นที่เชื่อถือและยอมรับจากผู้ใช้บริการในประเทศและระดับสากล รองรับสังคมผู้สูงอายุที่กำลังเกิดขึ้นและจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ รวมถึงเป็นช่องทางในการสร้างโอกาสทางการตลาด และมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศด้วย
เบื้องต้นให้เร่งพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบธุรกิจดูแลผู้สูงอายุให้ได้มาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจดูแลผู้สูงอายุมีองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการธุรกิจในเชิงลึก และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ โดยจัดอบรมหลักสูตร "ปฏิบัติการพิชิตธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ" ระหว่างวันที่ 20-22 สิงหาคม 2562 รวมทั้งสิ้น 3 วัน (18 ชั่วโมง) ณ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งมีหน่วยงานร่วมสนับสนุน คือกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สมาคมส่งเสริมธุรกิจบริการผู้สูงอายุไทย และสมาคมผู้ดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง
นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ องค์กรภาคเอกชนชั้นนำในด้านธุรกิจดูแลผู้สูงอายุมาร่วมถ่ายทอดความรู้ อาทิ การบริหารจัดการแบบลีน (Lean Management) การบริหารจัดการความเสี่ยงในธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ การบัญชีและภาษีอากรสำหรับผู้บริหาร กฎหมายที่เกี่ยวข้องในธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ
รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า จากอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วของประชากรผู้สูงอายุทั่วโลก รวมถึงปัจจัยด้านเศรษฐกิจสังคมที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพทำให้อัตราการเสียชีวิตลดลงและอายุขัยของประชากรในประเทศเพิ่มขึ้น
"ประเทศไทยนับเป็นจุดหมายปลายทางของคนสูงวัยจากทั่วโลกที่ต้องการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว พักผ่อน หรือใช้ชีวิตยามบั้นปลาย นับเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ประกอบการไทยในการสร้างธุรกิจ เพื่อรองรับความต้องการ (Demand) ของประชากรผู้สูงอายุจากทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า ถือเป็นโอกาสและความท้าทายใหม่ๆ ของผู้ประกอบการที่ต้องตีโจทย์ให้แตก ว่าธุรกิจหรือสินค้าประเภทไหนที่เจาะตลาดกลุ่มนี้ได้ เพื่อรองรับความต้องการจำนวนมาก" นายวีรศักดิ์ระบุ
ทั้งนี้ ด้วยศักยภาพการเติบโตในระยะยาว ผู้ประกอบธุรกิจไทยควรเริ่มติดตามและทำความเข้าใจการเปลี่ยนไปของโครงสร้างและพฤติกรรมของสังคมผู้สูงอายุเกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร การหากิจกรรมที่เหมาะสม การก่อสร้างที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้สูงอายุในการใช้ชีวิตประจำวันที่ต้องการคนดูแลช่วยเหลือ รวมถึงสถานที่ตั้งของธุรกิจควรจะตั้งอยู่ใกล้สถานพยาบาล เพื่อความรวดเร็วในการเดินทางของผู้สูงอายุในกรณีฉุกเฉิน นอกจากนี้ ควรหาพันธมิตรทางธุรกิจ โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ เข้ามาช่วยสนับสนุนการให้บริการด้านสุขภาพซึ่งเป็นจุดแข็งของไทย เพื่อเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันในระดับสากล
"การดูแลผู้สูงอายุ เป็นงานบริการที่ต้องใช้ความอดทน ความเข้าใจ ต้องมีความรู้ด้านการพยาบาล หรือผู้ช่วยพยาบาล ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุ จึงทำให้บุคลากรด้านการดูแลผู้สูงอายุขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุจึงมีความน่าสนใจและยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในระยะยาว" รมช.พาณิชย์ กล่าว
ปัจจุบัน ผู้มีประกอบธุรกิจดูแลผู้สูงอายุในประเทศไทย ประมาณ 800 ราย แบ่งเป็นนิติบุคคล 273 ราย คิดเป็น 34.12% และบุคคลธรรมดา 527 ราย คิดเป็น 65.87%