นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการพลังงานทดแทน และสมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เมื่อเร็ว ๆ นี้ เกี่ยวกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศปี 2561-2580 (PDP2018) หลังจากที่กระทรวงฯอยู่ระหว่างทบทวนแผนดังกล่าว โดยจะปรับสัดส่วนให้มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น และรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเร็วขึ้น จากเดิมส่วนใหญ่จะรับซื้อเข้ามาในช่วงปลายแผน ยกเว้นการรับซื้อโครงการโซลาร์รูฟท็อปภาคประชาชน ที่จะรับซื้อปีละ 100 เมะวัตต์ เป็นเวลา 10 ปี
ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันว่าจะมีการร่วมเสนอแผนงานที่เหมาะสมแล้วนำมาประชุมกันในอีก 1 เดือนข้างหน้า และเมื่อผู้ประกอบการเอกชนมีความเข้าใจมากขึ้น ก็ทำให้เอกชนเตรียมที่จะไปถอนฟ้องกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อศาลปกครอง หลังจากได้ยื่นฟ้องให้เพิกถอนแผน PDP2018 ไปแล้วก่อนหน้านี้ เพราะเห็นว่าการจัดทำแผนดังกล่าวเป็นไปอย่างไม่ถูกต้องส่งผลให้มีการลดเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงาน และลดสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนลงทั้งปริมาณและระยะเวลาการรับซื้อ
สำหรับภาคเอกชน ที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย สมาคมการค้าก๊าซชีวภาพไทย , ชมรมผู้ผลิตไฟฟ้าชีวมวล , สมาชิกผู้ผลิตโรงไฟฟ้าจากขยะ , ผู้ประกอบการโครงการโรงไฟฟ้าพลังลม เป็นต้น
นายกุลิศ กล่าวว่า สิ่งแรกที่จะดำเนินการ คือ การจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานชุมชนเพื่อสร้างรายได้แก่ท้องถิ่น บนเงื่อนไขการจัดโซนนิ่งแต่ละพื้นที่มีเชื้อเพลิงที่เหมาะสมอย่างไร โดยให้ 3 การไฟฟ้าพิจารณาสายส่งว่ามีเพียงพอหรือไม่และต้องปรับให้เหมาะสมอย่างไร เบื้องต้นจะเป็นการส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชนให้เกิดการผลิตและใช้ในชุมชนก่อน เป็นรูปแบบ SANDBOX และหากมีเหลือใช้ก็ขายเข้าระบบ โดยให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) พิจารณาถึงอัตราค่าไฟฟ้ารับซื้อที่เหมาะสม
ดังนั้น เป้าหมายการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงแต่ละประเภทอาจจะเปลี่ยนแปลงไปจากแผนเดิม เช่น แผนเดิมมีการซื้อไฟฟ้าจากโซลาร์ประมาณ 10,000 เมกะวัตต์ , ไม่มีการส่งเสริมหญ้าเนเปียร์มาผลิตไฟฟ้า ก็จะกลับมาทบทวนใหม่ตามนโยบายของนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ที่เน้นให้ส่งเสริม "พลังงานบนดิน" หรือพืชพลังงาน เพื่อเพิ่มรายได้แก่เกษตรกร