ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ระบุว่า กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ที่เข้าร่วมในงานสัมมนา World Class Auto Parts’ Serious 3 ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ในปี 51 รายได้จากการดำเนินกิจการจะมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกว่าครึ่งมีความมั่นใจว่าจำนวนการประกอบยานยนต์ทุกประเภทจะเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพ ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของลูกค้าผู้ประกอบธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์จำนวน 300 ท่าน
นายปิยะ ซอโสตถิกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้อำนวยการลูกค้าธุรกิจรายกลางต่างจังหวัด BBL กล่าวว่า องค์ประกอบทั้ง 2 จะเป็นปัจจัยหลักที่จะเอื้ออำนวยต่ออุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ในปี 2551 นี้
และในจำนวนนี้ มีผู้ประกอบการสูงถึง 78% วางแผนขยายธุรกิจและการลงทุนเพิ่มเติมในช่วง 1-2 ปีข้างหน้านี้ ทั้งนี้จากการวิเคราะห์แบบสอบถามทั้งหมดพบว่าปัจจัยความสำเร็จของอุตสาหกรรมยานยนต์นั้น ผู้ประกอบการมีส่วนสำคัญในการเปิดรับปัจจัยภายนอกรอบด้านที่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ อีกทั้งเป็นกลุ่มที่พร้อมปรับตัวรับความท้าทายใหม่ ๆ เพื่อแสวงหาจุดยืนที่แข็งแกร่งในตลาดที่สามารถแสดงศักยภาพความโดดเด่นของอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยในวงการธุรกิจนานาชาติ
ดังนั้น อุตสาหกรรมนี้จึงนับว่ามีบทบาทสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับปัจจุบันตัวเลขผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทยมีประมาณ 1,600 ราย ซึ่งแต่ละรายมีบุคลากรตั้งแต่ 100 ถึง 500 คน ทำให้เกิดการหมุนเวียนใช้จ่ายเงินของบุคลากรในภาคอุตสาหกรรมนี้เป็นเม็ดเงินจำนวนมหาศาล จึงไม่น่าสงสัยว่าเหตุใดอุตสาหกรรมนี้จึงมีความสำคัญต่อการสร้างความมั่นคงทางเสถียรภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย
ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในฐานะผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่เป็นอันดับ 5 ในเอเชีย รองจากประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีและอินเดีย และเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่เป็นอันดับ 3 ในเอเชีย รองจากญี่ปุ่นและเกาหลี โดยการขยายตัวของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการส่งออก
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--