นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การขยายตัวในภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทยในปัจจุบันมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยสูง โดยเฉพาะในด้านโรงแรมที่พัก มีสัดส่วนการใช้จ่ายสูงสุดเป็นอันดับ 1 หรือประมาณ 26% ของการใช้จ่ายทั้งหมดด้านการท่องเที่ยว แต่ยังมีโรงแรมและที่พักจำนวนมากกว่า 20,000 แห่ง ที่ยังไม่ได้มีการขออนุญาตดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ได้มีประกาศคำสั่งหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติที่ 6/2562 เรื่องมาตรการส่งเสริมและพัฒนามาตรฐานการประกอบธุรกิจโรงแรมบางประเภท ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2562 เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่นำอาคาร บ้านพัก ที่สร้างก่อนปี 2559 มาประกอบธุรกิจที่พัก โรงแรม ที่ไม่ได้มีการขออนุญาตต่อเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติโรงแรม ท่านสามารถประกอบธุรกิจให้บริการที่พักโรงแรมต่อไปได้ โดยแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นภายในวันที่ 9 กันยายน 2562 เท่านั้น และผู้ประกอบการยังสามารถปรับปรุงอาคารให้ถูกต้องตามกฎกระทรวง ให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี ถึงวันที่ 18 สิงหาคม 2564
นายกลินท์ กล่าวว่า หอการค้าไทยในฐานะตัวแทนภาคเอกชน เห็นว่าการให้ความรู้เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายนั้น จะทำให้ธุรกิจโรงแรมที่พักอาศัยเข้ามาอยู่ในระบบ เพื่อความคล่องตัวในการประกอบธุรกิจอย่างโปร่งใส และจะเป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการ สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน นักท่องเที่ยวก็จะได้รับบริการที่มีคุณภาพและเป็นธรรม รวมทั้งส่งผลดีต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นในการท่องเที่ยวของประเทศไทย
หอการค้าไทยจึงได้ร่วมมือกับหอการค้าจังหวัด และภาคส่วนราชการและเอกชนที่เกี่ยวข้อง จัดงานสัมมนาแก้ไขปัญหาโรงแรมตาม ม.44 เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ โดยได้จัดงานที่จังหวัดชลบุรี ภูเก็ต ประจวบคีรีขันธ์ อุบลราชธานี และกรุงเทพฯ โดยมุ่งหวังให้ผู้ประกอบการได้เข้าใจข้อมูลของประกาศ คสช.ที่ 6/2562 เพื่อดำเนินการให้ถูกต้องและทันเวลา พร้อมรับการขยายตัวของนักท่องเที่ยวต่อไป