ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การส่งออกสินค้าไทยในช่วงไตรมาสที่ 3/2562 (เดือนก.ค.-ก.ย.62) น่าจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกหลังจากติดลบในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2562 จากการเร่งส่งออกนำเข้า (Front-loading) ก่อนที่สหรัฐฯ จะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ฯ ในอัตรา 10% ในวันที่ 1 ก.ย. และวันที่ 15 ธ.ค.62 ซึ่งการขยายตัวของการส่งออกสินค้าไทยในช่วงไตรมาสที่ 3 น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การส่งออกสินค้าไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ยังขยายตัวเป็นบวกได้เล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ยังต้องติดตามในช่วงที่เหลือของปี 2562 ได้แก่ การชะลอตัวของ 4 เศรษฐกิจหลักอย่างสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันดิบ สินค้าเกษตร และราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นลงตามสภาพเศรษฐกิจโลกและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ รวมไปถึงประเด็นการแข็งค่าของเงินบาทที่กระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทย
"ในเบื้องต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงประมาณการส่งออกสินค้าไทยตลอดปี 2562 ไว้ที่ 0.0% โดยมีกรอบการขยายตัวที่ -2.0 ถึง 1.0%" บทวิเคราะห์ระบุ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า การส่งออกทองคำพุ่งต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ช่วยหนุนภาพรวมส่งออกไทยเดือนก.ค.62 พลิกเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 5 เดือน โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยในเดือนก.ค.62 อยู่ที่ 21,205 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัว 4.28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกทองคำที่ขยายตัวสูงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 (ขยายตัว 406.92%) เป็นเพราะนักลงทุนทั่วโลกต้องการถือครองทองคำเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) หลังเศรษฐกิจโลกเผชิญกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ยังมีทีท่าว่าจะไม่สามารถหาทางออกร่วมกันได้ภายในปี 2562
แต่ทั้งนี้ เมื่อหักมูลค่าส่งออกทองคำ ภาพรวมการส่งออกสินค้าไทยในเดือนก.ค.62 หดตัว 0.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการหดตัวในการส่งออกไปตลาดอาเซียน (9) และตลาดสหภาพยุโรป ในขณะที่การส่งออกสินค้าไทยไปยังคู่ค้าสำคัญ อย่างญี่ปุ่น จีน และสหรัฐฯ พลิกกลับมาขยายตัวสูงในเดือนก.ค.62
ขณะที่การส่งออกสินค้าของไทยไปยังตลาดสหรัฐฯ และจีนพลิกกลับมาขยายตัวเป็นบวกในเดือนก.ค.62 ส่วนหนึ่งเป็นผลของฐานที่ต่ำในปีก่อนหลังสหรัฐฯ เริ่มดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้ากับจีน อีกทั้งยังเป็นผลจากการเริ่มสต๊อกสินค้าระลอกใหม่ของผู้ผลิตและนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ก่อนมีการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในช่วงปลายปี 2562
นอกจากนี้ ยังเป็นผลมาจากสภาพภูมิอากาศที่ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาดจำนวนมาก โดยเฉพาะผลไม้ เช่น ลำไย มังคุด มะม่วง และทุเรียน ซึ่งตรงกับความต้องการของตลาดจีนในขณะนั้น จึงทำให้การส่งออกผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้งของไทยไปยังจีนขยายตัวอย่างก้าวกระโดดในเดือนก.ค.62
อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าไทยไปยังสหรัฐฯ และจีนที่ขยายตัวดีในเดือนก.ค.62 ยังไม่สามารถเป็นตัวชี้วัดทิศทางการส่งออกสินค้าไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้ เนื่องจากการเร่งตุนสินค้าก่อนมีการเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น