น.ส.สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20-24 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา กนอ.ร่วมกับสถานเอคอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และJapan Industrial Location Center (JILC) จัดกิจกรรม Roadshow เพื่อชักจูงนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น โดยการจัดสัมมนา "โอกาสการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมไทย" และจัดกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยได้พบปะกับผู้ประกอบการญี่ปุ่นได้แลกเปลี่ยนข้อมูลทางธุรกิจและสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างกัน รวมถึงความพร้อมของพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมที่จะรองรับตามยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการลงทุนของรัฐบาลไทยในอนาคต
ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมโรดโชว์ในครั้งนี้ กนอ.ได้นำเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นผู้พัฒนานิคมฯ ภาคเอกชน โชว์ศักยภาพพื้นที่ในนิคมฯต่างๆ โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้ มีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นนักลงทุนในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี และ กลุ่มผู้ประกอบการใหม่ หรือสตาร์ทอัพ ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทอนิกส์ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมดิจิทัล และอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร เข้าร่วมกว่า 53 บริษัท/หน่วยงาน
"การมาโรดโชว์ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนญี่ปุ่นทั้งในเรื่องความพร้อมเชิงพื้นที่รองรับการลงทุนและความพร้อมของระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย โดยเฉพาะนักลงทุนกลุ่มเอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพ ที่ปัจจุบันมีศักยภาพในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งประเทศไทยยังคงเป็นประเทศเป้าหมายที่เป็นฐานการผลิตของนักลงทุนญี่ปุ่น บวกกับรัฐบาลญี่ปุ่นให้การสนับสนุนผู้ประกอบการกลุ่มดังกล่าวขยายฐานการผลิตไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลไทยที่ต้องการดึงการลงทุนมายังประเทศไทยที่ต้องการส่งเสริมให้ไทยเป็นฐานการผลิตของนักลงทุนเอสเอ็มอีญี่ปุ่นอีกแห่งหนึ่งในอนาคต"น.ส.สมจิณณ์กล่าว
ดังนั้น กนอ.ในฐานะเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งนิคมฯทั่วประเทศ พร้อมสนับสนุนพื้นที่เพื่อรองรับการลงทุนของกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพต่างประเทศ ด้วยการเตรียมความพร้อมในด้านการให้บริการและระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอย่างเป็นระบบ ควบคู่ไปกับการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งการเดินทางไป Roadshow ในครั้งนี้ กนอ.คาดว่ากลุ่มนักลงทุนเป้าหมายจะตัดสินใจขยายการลงทุนมายังประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
จากข้อมูลสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ระบุว่าญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนที่ยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ด้วย มูลค่า 42,454 ล้านบาท จากมูลค่าขอรับการส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศทั้งหมด 147,169 ล้านบาท โดยอุตสาหกรรมที่เข้ามาลงทุนอันดับแรก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์โลหะและเครื่องจักร ตามด้วยอิเล็กทรอนิกส์และ เครื่องใช้ไฟฟ้า และกิจการด้านบริการ เป็นต้น