นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวในงานปาฐกถาหัวข้อ "ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไทย ภายใต้รัฐบาลใหม่" จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจว่า กระทรวงอุตสาหกรรมมีความมุ่งมั่นในการยกระดับภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยในทุกระดับ ทั้งอุตสาหกรรมรายย่อย อุตสาหกรรมการเกษตร และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โดยที่จะเน้นไปที่การเสริมศักยภาพให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ถือมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย พร้อมกับการดึงดูดผู้ประกอบการหรือนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาร่วมเสริมศักยภาพการยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยให้เป็นอุตสาหกรรม 4.0
โดยการยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยให้เป็นอุตสาหกรรม 4.0 จะต้องมีการปรับโครงสร้างการผลิตให้มีความทันสมัย จากการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าและบริการ ประกอบกับการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ที่เป็น New S- Curve ของภาคอุตสาหกรรมไทย เช่น อุตสากรรมการผลิตหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความทันสมัย และอุตสาหกรรมชีวภาพและเคมีชีวภาพซึ่งประเทศไทยตั้งเป้าเป็น Bio hub ของอาเซียนภายในปี 70
การลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ที่จะเข้ามาขับเคลื่อนและยกระดับอุตสาหกรรมไทย รัฐบาลและกระทรวงอุตสาหกรรมจะมีการขับเคลื่อนผ่านโครงการพัฒนาในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ควบคู่ไปกับการพัฒนาในเขตเศรษฐกิจชายแดน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่จะเห็นความชัดเจนในการลงทุนมากขึ้นในระยะต่อไป โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องไปเตรียมความพร้อมและศึกษาการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมของไทย พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ให้ภาคอุตสาหกรรมไทยมีความเข้มแข็งมากขึ้น
ด้านการสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน และสามารถนำเงินไปต่อยอดการดำเนินธุรกิจได้ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) เร่งดำเนินการพิจารณาและอนุมัติสินเชื่อพิเศษสนับสนุนเอสเอ็มอีกลุ่มรายย่อย วงเงินรวม 1 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเพียง 1% ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 1 ล้านบาท/ราย ให้ถึงผู้ประกอบการรายย่อยอย่างรวดเร็วและทั่วถึง ซึ่งคาดหวังจะช่วยเหลือผู้ประกอบการได้มากกว่า 10,000 ราย และก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยมากกว่า 4 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้กระทรวงอุตสาหกรรมยังเตรียมที่จะปฏิรูประบบการทำงานภายในกระทรวง โดยการนำระบบดิจิทัลเข้ามาใช้ ซึ่งเป็นการทำงานผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งทำให้การทำงานในกระทรวงมีความรวดเร็วมากขึ้นและมีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น โดยที่จะมีการนำระบบดิจิทัลเข้ามาใช้ในการทำงานภายในกระทรวงอย่างสมบูรณ์ภายในปีนี้ "การทำงานของรัฐบาลปัจจุบัน แม้ว่าจะเป็นรัฐบาลแบบผสม แต่ก็เป็นรัฐบาลที่ผสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเข้ามาช่วยกันขับเคลื่อน เปรียบเสมือนรถยนต์ที่ต้องมีองค์ประกอบต่างๆที่รวมกันทำให้รถยนต์ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ซึ่งการทำงานของกระทรวงอุตสาหกรรมก็มีการทำงานร่วมกับกระทรวงอื่น เพื่อเดินหน้าประเทศและเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง และพร้อมผลักดันภาคเอกชนไทยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น ซึ่งภาวะที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน เอกชนต้องปรับตัว พร้อมกับพัฒนาศักยภาพธุรกิจ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และทำให้เติบโตได้ในเชิงคุณภาพ ไม่ใช่เชิงปริมาณ"นายสุริยะ กล่าว