ครม.รับทราบแผนงานแกัปัญหาความแออัดของสนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 27, 2019 17:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ แผนงานของกระทรวงคมนาคมในการแก้ไขปัญหาความหนาแน่นของ 2 สนามบิน คือ ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

โดยในส่วนของท่าอากาศยานดอนเมือง มีความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้ 30 ล้านคนต่อปี แต่ปัจจุบันมีจำนวนผู้โดยสารที่มาใช้บริการถึง 40 ล้านคนต่อปี ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาความแออัดในการใช้บริการสนามบินดอนเมือง ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้มีแผนแก้ปัญหาผู้โดยสารขาเข้าในระยะเร่งด่วน ดังนี้ เพิ่มพื้นที่ในการให้บริการจัดทำแบบการขอตรวจลงตราวีซ่าเพื่อเข้าประเทศ (VOA) โดยจะให้บริการในเชิงรุกด้วยการจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร

ส่วนผู้โดยสารขาออก พบปัญหาใน 4 ส่วน คือ พื้นที่เช็คอิน พื้นที่ตรวจค้นผู้โดยสาร พื้นที่ตรวจหนังสือเดินทาง และพื้นที่โถง ดังนั้นการแก้ไขปัญหาผู้โดยสารขาออกในระยะเร่งด่วน คือ เพิ่มเคาน์เตอร์เช็คอินอาคารผู้โดยสารหมายเลข 1 อีก 16 เคาน์เตอร์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเช็คอินขึ้นได้ 15% ซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือนก.ย.62, ขยายพื้นที่ Bus Gate สำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ

การแก้ปัญหาระยะกลาง สร้างอาคารรองรับผู้โดยสารแบบกรุ๊ปทัวร์ การเพิ่มพื้นที่รอตรวจหนังสือเดินทาง การเพิ่มช่องตรวจผู้โดยสารระหว่างประเทศอีก 4 ช่องตรวจ จากเดิม 8 ช่อง รวมเป็น 12 ช่องตรวจ ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 63

ในส่วนของผู้โดยสารแบบ VOA จะเพิ่มเติมพื้นที่อีก 693 ตารางเมตร เป็น 1,080 ตารางเมตร เพิ่มช่องตรวจหนังสือเดินทางอีก 12 ช่อง จากเดิม 39 ช่อง รวมเป็น 51 ช่องตรวจ แล้วเสร็จ ก.ย.63

การดำเนินการทั้งหมดนี้ คาดว่าจะทำให้สนามบินดอนเมืองมีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออกประมาณ 40 ล้านคนได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น

ขณะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น มีความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้ 45 ล้านคนต่อปี แต่ปัจจุบันมีจำนวนผู้โดยสารที่มาใช้บริการมากถึง 63 ล้านคนต่อปี ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น ได้ส่งผลต่อการให้บริการในการตรวจลงตรานักท่องเที่ยวต่างชาติ จึงจะได้เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ และนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในส่วนนี้ให้มากขึ้น

ทั้งนี้ ในเบื้องต้นกระทรวงคมนาคมได้นำเสนอแผนงานการแก้ปัญหา เช่น การเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ในการตรวจลงตราผู้โดยสารขาเข้า และแบบการขอตรวจลงตราวีซ่าเพื่อเข้าประเทศ (Visa on Arrival หรือ VOA) และช่องตรวจลงตราคนเข้าเมืองฝั่งขาเข้า 93 ช่อง และผู้โดยสารขาเข้าปัจจุบันรองรับได้เพียง 6,000 คน/ชม. ซึ่งมีเป้าหมายที่ต้องทำให้ได้ 7,600 คน/ชม.

สำหรับการแก้ปัญหาความแออัดของผู้โดยสารขาเข้า จะแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน ในส่วนของผู้โดยสารขาเข้า จะจัดเจ้าหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้วยการไปรับผู้โดยสารที่ประตูทางเข้า และนำมาที่จุดบริการตรวจคนเข้าเมือง การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ระยะกลาง (ดำเนินการในปี 63) เพิ่มช่องให้บริการตรวจหนังสือเดินทางจะเพิ่มอีก 17 ช่อง, เพิ่มบริเวณจุดตรวจค้นตีตราหนังสือเดินทาง โดยปรับปรุงพื้นที่เพื่อรองรับผู้โดยสารแบบ VOA, ปรับปรุงพื้นที่ตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า, เพิ่มจำนวนเครื่องตรวจประทับตราหนังสือเดินทางอัตโนมัติอีก 8 เครื่อง

ระยะยาว สร้างอาคารผู้โดยสารขาเข้าแห่งที่ 2 เพื่อขยายพื้นที่ทั้งระบบ รองรับผู้โดยสารได้เต็มจำนวน ส่วนฝั่งขาออก 62 ช่อง มีการศึกษาและแก้ไขปัญหาความแออัดในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่รองรับผู้โดยสารขาออกได้เพียง 3,600 คน/ชม. ซึ่งต้องทำให้รองรับได้ 5,700 คน/ชม. ย้ายจุดตรวจค้นผู้โดยสารในประเทศไปยังอาคารเทียบเครื่องบิน A และ B เพื่อเพิ่มช่องตรวจจาก 6 ช่อง เป็น 12 ช่อง และเพิ่มจุดตรวจผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ

การแก้ปัญหาตามแนวทางดังกล่าว คาดว่าจะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิ มีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารขาออกและขาเข้าได้เพิ่มขึ้น โดยจะทำให้ผู้โดยสาร VOA ลดเวลารอคอยหน้าด่านเหลือ 25 นาที (กรณีแก้ปัญหาเร่งด่วน) และหากเป็นกรณีแก้ปัญหาเต็มระบบแล้ว จะทำให้ลดเวลารอคอยหน้าด่านเหลือ 20 นาที


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ