นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 30.62 บาท/ดอลลาร์ จากปิดตลาดเมื่อ เย็นวานนี้ที่ระดับ 30.63 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดรอดูความชัดเจนเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน และเรื่อง Brexit
"วันนี้บาทน่าจะย่ำฐานทรงตัวนิ่งรอปัจจัยใหม่เข้ามา" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 30.55-30.70 บาท/ดอลลาร์
THAI BAHT FIX 3M (28 ส.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.24123% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.24789%
*ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ 105.99 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้อยู่ที่ระดับ 105.80 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ 1.1084 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้อยู่ที่ระดับ 1.1092 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 30.6550 บาท/ดอลลาร์
- ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ได้ปรับคาดการณ์ค่าเงินบาทจากเดิมคาดว่าสิ้นปีจะ
อยู่ที่ 31.00 บาทต่อดอลลาร์ มาเป็น 30.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งอาจเป็นระดับแข็งค่าสุดในปีนี้ เนื่องจากเห็นสถานการณ์ต่าง ๆ โดย
เฉพาะดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจได้รับแรงกดดันจากนักลงทุนในตลาดและนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี
สหรัฐให้ปรับลดลงอีก 2 ครั้งในปีนี้ ทำให้เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอีก แต่ต้องติดตามประธานาธิบดีทรัมป์ว่าจะมีท่าทีอย่างไรกับเรื่อง
สงครามการค้า ซึ่งอาจทำให้เงินบาทหลุด 30.50 บาทต่อดอลลาร์ได้
- รมว.คลัง เปิดเผยในงานปาฐกถาพิเศษ ไทยแลนด์ โฟกัส 2019 หัวข้อเปิดโอกาส สู่ก้าวใหม่การเติบโต ว่า ได้ใช้เวทีนี้
สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนสถาบันทั่วโลก เพื่อให้เกิดการรับรู้ถึงการดำเนินนโยบายของรัฐบาลใหม่ แม้จะเป็นรัฐบาลผสมแต่ก็สามารถ
ขับเคลื่อนนโยบายได้ตามยุทธศาสตร์แห่งชาติได้ รวมทั้งได้อธิบายให้เห็นถึงพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่งรับมือความผันผวนของเศรษฐกิจ
โลก สะท้อนจากจีดีพีไทยที่ขยายตัวมาต่อเนื่องจากไม่ถึง 1% เป็น 4% เมื่อปีที่แล้ว และในปีนี้ก็ยังเติบโต 2.3% และ 2.8% ในครึ่งปีแรก
ซึ่งชะลอตัวลงบ้างแต่ไม่มาก เมื่อเทียบกับหลายประเทศที่ติดลบ
- ตลาดหลักทรัพย์ฯได้จัดงาน Em bracing Opportunities-The Next Chapter โดยงานประสบความสำเร็จและได้
รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกร่วมงาน 127 รายมูลค่าสินทรัพย์รวม(AUM) สูงถึง 2.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และผู้ลงทุน
สถาบันภายในประเทศ 203 ราย สะท้อนให้เห็นว่าตลาดทุนไทยมีความโดดเด่นด้วยปัจจัยพื้นฐานของประเทศและบริษัทจดทะเบียนที่แข็ง
แกร่ง ซึ่งเป็นปัจจัยเอื้อหนุนให้ผู้ลงทุนเชื่อมั่นและสนใจลงทุนในประเทศไทยต่อเนื่อง
- เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 ส.ค.) เนื่อง
จากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ว่า อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปแบบไม่ข้อตกลง (No Deal Brexit) ในวันที่
31 ต.ค.นี้
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่
ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้น นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังส่งผลให้สัญญาทองคำมีความน่าดึงดูดน้อยลง
- นักลงทุนยังคงจับตาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่ใกล้ถึงวันอาทิตย์นี้ที่ทั้งสองฝ่ายมีกำหนดปรับขึ้นภาษี
นำเข้าสินค้าระหว่างกัน โดยสหรัฐจะเรียกเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนประกาศเก็บภาษี 5-
10% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการเก็บภาษี 2 รอบ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย. และ 15 ธ.
ค.
- รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ด้านการค้าของสหรัฐเชื่อว่า ตัวแทนเจรจาการค้าของจีนจะเดินทางมายังกรุง
วอชิงตัน เพื่อเข้าร่วมเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ
- นักลงทุนยังจับตาตลาดพันธบัตรสหรัฐอย่างใกล้ชิด หลังจากตลาดพันธบัตรยังคงเกิดภาวะ inverted yield curve หรือ
ภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นสูงกว่าอัตราผลตอบแทนระยะยาว ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอย
- ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวล
รวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2562 (ประมาณการครั้งที่ 2), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home
sales) เดือนก.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค., การใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.ค. และดัชนี
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--