นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อทำความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน โดยยืนยันว่าเศรษฐกิจไม่ได้ถดถอย เพราะการขยายตัวของเศรษฐกิจในแต่ละไตรมาสยังเติบโตเป็นบวก ไม่ได้ติดลบ เพียงแต่เป็นการเติบโตในอัตราที่ชะลอลงกว่าที่คาดไว้เท่านั้น
"ถ้าเศรษฐกิจถดถอย จะหมายถึงติดลบ ไม่ขยายตัว แต่จริงๆ ยังขยายตัวได้ ยังเป็นบวกอยู่ อ.สมคิด ได้รายงานในที่ประชุมครม.ว่า YoY ก็เป็นบวก QoQ ก็เป็นบวก เพียงแต่มันบวกในอัตราต่ำกว่าที่เราคาดการณ์หรือที่ตั้งเป้าไว้เท่านั้นเอง คือ ปีที่แล้วบวก 4% แต่ปีนี้อาจจะได้ไม่ถึง แต่มันยังโตอยู่ และโตในอัตราที่ชะลอลงกว่าคาด" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุ
นอกจากนี้ จากการรายงานข้อมูลของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ยังพบว่าการใช้จ่ายของภาครัฐยังเพิ่มขึ้น การท่องเที่ยวขยายตัวตามที่ตั้งเป้าไว้เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมา ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนยังไม่เติบโตเท่าที่ควร ซึ่งนายสมคิด ได้ย้ำว่าต้องเร่งกันช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ภาคเอกชนเกิดความมั่นใจ และเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น
"แม้ตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคโดยรวมยังดูดี มีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด แต่ทั้งนี้ก็ต้องระวัง เนื่องจากการเกินดุลฯ เกิดจากการนำเข้าน้อย ซึ่งหมายถึงเอกชนยังลงทุนไม่มาก ดังนั้นจึงต้องกระตุ้นให้ภาคเอกชนมั่นใจ และลงทุนเพิ่มขึ้นต่อไป รวมทั้งต้องดูแลเรื่องค่าเงินบาท ที่แข็งค่าต่อเนื่อง เพราะส่งผลต่อการส่งออกและจีดีพีของไทยได้" นางนฤมลกล่าว
นางนฤมล กล่าวว่า นายสมคิด ยังได้ฝากถึงสำนักงบประมาณ ให้เร่งเบิกจ่ายงบประมาณตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้อนุมัติไปแล้วก่อนหน้านี้ เพื่อให้เกิดการเดินหน้าได้อย่างเต็มที่ และมีการกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับฐานราก เพื่อให้เกิดแรงหนุนเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งรัฐบาลจะดำเนินการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะยาวควบคู่กันไปด้วย
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เห็นว่าตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคในช่วงครึ่งปีหลังมีสัญญาณดีขึ้น แต่ยังห่วงเศรษฐกิจฐานราก เช่น ราคาสินค้าเกษตร จึงได้ฝากให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ไปช่วยกันดูแล ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิต การลดต้นทุนการผลิต เป็นต้น