นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การนัดหารือกับผู้ประกอบการสินค้าและบริการ 250 รายที่จำเป็นต่อการครองชีพเพื่อขอความร่วมมือในการลดราคาหรือตรึงราคาสินค้าในวันที่ 22 ก.พ.นั้น คาดว่าผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือจะสามารถปรับลดราคาให้บริการได้ทันทีเช่นเดียวกับสินค้าอุปโภคบริโภคบางรายการ รวมถึงเนื้อหมูและอาหารสด ส่วนค่ารักษาพยาบาลก็จะให้ลดราคาลงเป็นรายการต่อไป
รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้หารือกับ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(DTAC) แล้ว บริษัทได้แสดงความจำนงที่จะให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ส่วนรายอื่นๆ ทั้ง บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(ADVANC ) หรือ เอไอเอส , ทรูมูฟ (ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ TRUE) และ บริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย จำกัด หรือ ฮัทช์ ที่คาดว่าน่าจะให้ความร่วมมือเช่นเดียวกัน
สำหรับสินค้าอื่นนั้นเชื่อว่า ผู้ประกอบการน่าจะลดราคาหรือตรึงราคาได้ เพราะบางรายการผู้ประกอบการยังมีกำไรอยู่มาก หากยอมปรับลดกำไรลง และบริหารต้นทุนใหม่ก็ไม่น่าจะขาดทุน
ส่วนนโยบายเศรษฐกิจเศษสตางค์ของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีนั้น นายมิ่งขวัญ เชื่อว่า จะช่วยลดค่าครองชีพและคุมอัตราเงินเฟ้อได้ แต่จะต้องขอความร่วมมือให้ผู้ค้าใช้เศษสตางค์ด้วย ขณะเดียวกันหากกรมการค้าภายในจะอนุมัติให้ขึ้นราคาสินค้าก็จะให้ปรับขึ้นเป็นเศษสตางค์เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้บริโภคมากเกินไป
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/เสาวลักษณ์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--