ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ระบุว่า จะติดตามและทบทวนประมาณการเครื่องชี้เศรษฐกิจ ต่างๆ อีกครั้งในเดือนหน้า เนื่องจากมีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่ยังขาดปัจจัยหนุน และมีโอกาสมากขึ้นที่ทั้งปี 2562 นี้ เศรษฐกิจไทยอาจจะขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้
นอกจากนี้ ยังกังวลต่อเรื่องเงินบาทที่แข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง และยังมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นอีกหากธนาคาร กลางสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกในช่วงข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถทางการแข่งขันของการส่งออกและการลงทุนของ ไทย จึงอยากให้ทางการออกมาตรการเพื่อดูแลการแข็งค่าของเงินบาทโดยเร็ว
กรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2562 ของ กกร. (ณ ก.ค. 62) %YoY ปี 2561 ปี 2562 (ณ ก.ค. 62) GDP 4.1 2.9-3.3 ส่งออก 6.9 -1.0 ถึง 1.0 เงินเฟ้อ 1.1 0.8-1.2
ทั้งนี้ แรงส่งเศรษฐกิจไทยในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นเดือนแรกของช่วงครึ่งปีหลังยังอยู่ในภาวะที่อ่อนแรงต่อเนื่อง สะท้อนจาก การส่งออกที่ไม่รวมทองคำ ยังคงหดตัว ส่งผลต่อการผลิตภาคอุตสาหกรรม ขณะที่การลงทุนทรงตัว ส่วนการบริโภคภาคเอกชนแผ่วลงจาก ช่วงครึ่งปีแรก และแม้การท่องเที่ยวจะขยายตัว แต่ส่วนหนึ่งเป็นผลของฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันปีก่อน
ขณะที่ในช่วงที่เหลือของปี 2562 เศรษฐกิจไทยยังอยู่ท่ามกลางปัจจัยกดดัน ทั้งจากภาคต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลกระทบมาจาก การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน และปัญหาการค้าระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลี ความเสี่ยงจาก ประเด็น Brexit รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาทอย่างต่อเนื่อง ที่ล้วนจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย ในขณะ เดียวกัน การใช้จ่ายภายในประเทศก็ถูกกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง และล่าสุดเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อย่างไรก็ตาม ภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชิม ช็อป ใช้ รวมถึงมาตรการประกันรายได้สินค้าเกษตรสำคัญๆ อาจมี แรงบวกที่จะสามารถชดเชยผลกระทบจากหลายปัจจัยกดดันข้างต้น นอกจากนี้ อานิสงส์จากการที่ภาครัฐเตรียมจะออกมาตรการเพื่อดึงดูด การย้ายฐานการลงทุนจากผลกระทบเรื่องสงครามการค้า ก็อาจต้องใช้เวลา และคงจำเป็นต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานและแรงจูงใจที่มาก พอสำหรับนักลงทุน ซึ่งรวมถึงประเด็นเรื่องค่าเงินด้วย