ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมศุลกากรเร่งตรวจสอบร้านจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) ที่ปัจจุบันมีจำหน่ายในหลายพื้นที่ เพื่อป้องกันการรั่วไหลในการจัดเก็บภาษีจากสินค้าดังกล่าว โดยให้เข้าไปดูระบบและเชื่อมโยงข้อมูลการจำหน่ายสินค้า เพื่อควบคุมและดูสต็อกสินค้าว่าสมดุลกันหรือไม่ เพื่อให้สามารถจัดเก็บภาษีได้เต็มประสิทธิภาพ โดยกรมศุลกากรจะต้องตรวจสอบการจำหน่ายและการนำเข้าให้ละเอียดและเข้มข้นมากขึ้น เพื่อประสิทธิภาพในการดูแลสูงสุด
"ปัจจุบันประเทศไทยมีร้านค้าปลอดภาษีทั้งในสนามบินและในตัวเมือง ซึ่งข้อดีก็คือเป็นการช่วยส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว แต่ปัญหาการลักลอบก็มีอยู่ ซึ่งกรมศุลกากรก็ต้องตรวจดูป้องกันการรั่วไหลด้วย ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้กรมศุลกากรเร่งติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์คร่อมสายพานที่สนามบินสุวรรณภูมิให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าออนไลน์ที่นำเข้ามาในไทย รวมถึงการลับลอบขนสินค้าเกษตรเข้ามาจำหน่ายต่อในประเทศด้วย" นายสันติ กล่าว
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ขณะนี้กรมศุลกากรได้มีการตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าร้านค้าปลอดภาษีอยู่แล้ว หากผู้ซื้อนำไปใช้ยังต่างประเทศก็ห้ามนำเข้ามาใช้ในไทย ขณะเดียวกันกำลังเร่งเปิดการใช้งานเครื่องเอ็กซเรย์คร่อมสายพานลำเลียงกระเป๋าเดินทางที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 23 เครื่องให้เสร็จและเริ่มใช้ได้วันที่ 1 ม.ค.63 โดยเครื่องดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสแกนกระเป๋าเดินทางที่โหลดมาใต้ท้องเครื่องบินได้ทุกใบ เพื่อดูว่ามีสินค้าต้องห้ามการนำเข้าตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ยาเสพติด รวมถึงสินค้าแบรนด์เนมที่มีราคาสูงและเข้าข่ายต้องเสียภาษีด้วย
ส่วนความคืบหน้าการทำ National Single Window ในส่วนของระบบภายในประเทศได้ดำเนินการเชื่อมโยงได้แล้ว 90% จาก 37 หน่วยงาน เหลือเพียงสินค้า 10% ของ 6 หน่วยงาน ที่รอการเชื่อมโยงระบบอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตรที่อยู่ในการควบคุมราคาของกระทรวงพาณิชย์ ขณะที่การเชื่อมโยงระบบกับประเทศเพื่อนบ้านนั้น ขณะนี้กำลังทดสอบระบบกับฟิลิปปินส์และเมียนมาอยู่ ขณะที่ลาวจะมีการพัฒนาระบบเพื่อเชื่อมต่อระบบได้ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งหากทำเสร็จจะช่วยอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้านำเข้าส่งออกได้เป็นอย่างมาก