"สมคิด" เล็งหามาตรการพัฒนาศักยภาพการผลิตภาคเกษตร ยันศก.ไม่ได้แย่ วอนคนไทยเชื่อมั่นประเทศ

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 9, 2019 16:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังหารือร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ภายในเดือนก.ย.นี้ เพื่อหามาตรการในการเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพการผลิตภาคการเกษตรให้มีมูลค่ามากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน ประเทศไทยมีเกษตรกรถึง 30-40 ล้านคน แต่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ถึง 10% ของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ดังนั้นจึงต้องการพัฒนาให้ศักยภาพทางด้านการเกษตรมีมูลค่าเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากการช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

พร้อมกันนี้ ยังมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเข้ามาให้การสนับสนุนการผลิตภาคการเกษตรให้มากขึ้น ทั้งเรื่องการแปรรูป การรวมกลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตร และการส่งเสริมเกษตรกรรายย่อยให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

นายสมคิด กล่าวถึงพิธีลงนามความร่วมมือด้านการลงทุน โดยพันธมิตร 13 หน่วยงาน ร่วมขับเคลื่อน InnoSpace (Thailand) อย่างเป็นรูปธรรม หวังยกระดับ Startup ไทย ให้ถึงระดับ Unicorn แจ้งเกิดธุรกิจที่ตอบโจทย์การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม บนพื้นฐานของนวัตกรรมในอนาคต โดยกล่าวว่า การลงนามครั้งนี้ถือเป็นการเชื่อมโยงทุกกลไกที่เข้ามาช่วยในการสร้างผู้ประกอบการใหม่ๆ และเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่จะช่วยผลักดันประเทศไทยอีกด้าน รวมถึงเป็นการวางรากฐานให้กับอนาคตของประเทศ เพราะหากประเทศไม่มีความเปลี่ยนแปลงก็ไม่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้ และการที่คาดหวังจะเห็นจีดีพีโต 4-5 % ในระยะยาวคงเป็นไปไม่ได้

รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ภารกิจสำคัญที่รัฐบาลมุ่งมั่น คือการปฏิรูปประเทศ แต่พื้นฐานยังมีประชาชนที่ยากจนอยู่มาก การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของประชากรเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นจึงต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน ร่วมกันเปลี่ยนแปลง

นายสมคิด กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมเริ่มแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ไม่ได้ จึงทำให้มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง โดยเป้าหมายของประเทศไทย คือการดึงดูดอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่เน้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามามากขึ้น และต้องปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมที่เน้นอุตสาหกรรมภาคเกษตร/ภาคบริการและการท่องเที่ยว ที่มองว่าเป็นรากฐานสำคัญของประเทศ

ทั้งนี้ รัฐบาลได้เตรียมรองรับการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนจากต่างประเทศ ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั้งด้านคมนาคมและดิจิทัล ผ่านโครงการลงทุนระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)

นอกจากนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาบุคคลากรเพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่ๆ จึงได้ออกมาตรการส่งเสริมการพัฒนาบุคคลากร โดยมีกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ทำงานร่วมกับภาคเอกชน โดยหวังจะเห็นบริษัทชั้นนำของไทย เช่น บมจ. ปตท. (PTT) เข้ามาส่วนร่วมในการพัฒนาวิศวกรรมด้านพลังงาน หรือกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เข้ามามีส่วนในการพัฒนาโดรนการบิน เป็นต้น

นายสมคิด กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายมองว่าความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจไม่ดี ส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนว่า ขณะนี้ขอยืนยันว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแกร่ง แต่สิ่งสำคัญคือจะต้องเชื่อมั่นในประเทศ อย่ามองแต่ข่าวร้าย

"ผมไม่ได้เป็นรองนายกฯ เศรษฐกิจ ผมเป็นรองนายกฯ กำกับ 4 กระทรวง แต่ผมจะเรียนแบบนี้ว่า พื้นฐานของเราแข็งแรง เมืองไทยต้องมั่นใจในเมืองไทย ไม่ใช่ฝ่อตั้งแต่ต้น ทั้งโลกขณะนี้ก็ลำบาก ทุกคนก็ลำบาก อย่างสิงคโปร์ก็ลำบาก ถดถอยแรง แต่เขาไม่ตื่นตกใจ เขาพยายามคิดหนทางในการต่อสู้ เมืองไทยก็ต้องทำอย่างนั้น ทุกคนต้องพยายามลุกขึ้นมาแล้วก็สู้ ทุกวันไม่ใช่มีแต่ข่าวร้าย ถ้ามีแต่ข่าวร้าย ใครจะคิดอยากจะลงทุน ต้องดูถึงแง่บวกบ้าง" นายสมคิด กล่าว

พร้อมปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีนิด้าโพลและสวนดุสิตโพล มีผลสำรวจออกมาว่าประชาชนเห็นว่ารัฐบาลไม่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพียงแต่ตอบสั้นๆ ว่าให้ไปดูในรายละเอียดของโพลที่ออกมาว่าเป็นอย่างไร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ