(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 30.64/69 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 30.55-30.70 ตลาดไร้ปัจจัยใหม่ รอติดตามผลประชุม ECB สัปดาห์นี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 10, 2019 11:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 30.64/69 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ ที่ปิดตลาดที่ 30.63 บาท/ดอลลาร์

"ยังไม่มีปัจจัยใหม่ คาดว่าตลาดน่าจะรอผลประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 12 ก.ย.นี้"นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 30.55-30.70 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (9 ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.37831% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.37518%

SPOT ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 30.6525 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 107.10/60 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 107.07 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1020/1060 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 1.1042 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 30.6530 บาท/ดอลลาร์
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทยในช่วงที่เหลือของปี 62 ยังเปราะบาง
และเผชิญหลายปัจจัยท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายของไร่นาจากสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่จังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ปัญหาการชำระหนี้ของครัวเรือน รวมไปถึงความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวที่กระทบเศรษฐกิจไทยในภาพรวม
  • กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ปีนี้สินเชื่อของธนาคารน่าจะเติบโตได้แตะระดับกรอบล่าง
ของเป้าหมายที่ 5% จากเป้าหมาย ที่ 5-7% โดยหลักๆแล้วสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายใหญ่ และสินเชื่อรายย่อยใน
ส่วนที่มีหลักประกันยังเติบโตได้ดี อาทิ สินเชื่อบ้านซึ่งบางส่วนมาจากการรีไฟแนนซ์ และสินเชื่อบ้านใน ช่วงไตรมาสแรกที่เติบโตได้ดี ก่อนที่
จะบังคับใช้เกณฑ์ LTV
  • เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) เนื่องจาก
นักลงทุนเชื่อมั่นว่า มีแนวโน้มลดน้อยลงที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่มีการทำข้อตกลง ขณะที่สกุลเงินยูโรแข็ง
ค่าขึ้นหลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า รัฐบาลเยอรมนีจะออกมาตรการกระตุ้นด้านการคลัง
  • นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประสบความพ่ายแพ้ในรัฐสภาวันนี้ หลังจากที่สมาชิกสภาสามัญชน หรือสภาล่าง
ของอังกฤษ ลงมติด้วยคะแนนเสียงเพียง 293 เสียงเห็นชอบต่อญัตติของนายจอห์นสันในการประกาศยุบสภา และจัดการเลือกตั้งก่อน
กำหนด ขณะที่ 46 เสียงไม่เห็นชอบ ส่วนสมาชิกพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน พร้อมใจกันงดออกเสียง

ทั้งนี้ คะแนนเสียงเห็นชอบต่อญัตติดังกล่าวยังคงต่ำกว่า 434 เสียง หรือ 2 ใน 3 จากจำนวนสมาชิกในสภาล่างทั้งหมด 650 เสียง ส่งผลให้ญัตติของนายจอห์นสันตกไป

  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐดีดตัว
ขึ้น ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเทลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย อย่างไรก็ดี สัญญาทองคำปรับตัวลงในกรอบจำกัด เนื่องจากการ
อ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำในระหว่างวัน
  • สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ฟิทช์ เรทติ้งส์ คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก
0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินเดือนธ.ค. และคาดว่าหลังจากนั้นจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมตลอดปี 2563

ขณะเดียวกันฟิทช์คาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะประกาศการผ่อนคลายนโยบายการเงินรอบใหม่ในเร็วๆนี้ ซึ่งรวมถึง การเริ่มออกนโยบายซื้อสินทรัพย์อีกครั้งในเดือนต.ค.

  • ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ออกมาเตือนว่า ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน และแนวโน้มที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพ
ยุโรป (Brexit) โดยไม่มีการทำข้อตกลงนั้น กำลังส่งผลกระทบด้านลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
  • นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ และการประชุม
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 12 ก.ย.นี้ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
และ ECB มีแนวโน้มที่จะออกมาตรการกระตุ้นด้านการเงินครั้งใหม่
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนส.ค.จากสหพันธ์ธุรกิจ

อิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB), ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนก.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต

(PPI) เดือนส.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค.,

ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนส.ค., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อก

สินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ