นายยงยุทธ์ สวัสดิสวนีย์ รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า วันนี้ (10 ก.ย.) พพ. และการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือการบูรณาเครือข่ายความร่วมมือการอนุรักษ์พลังงาน ในการสนับสนุนการออกแบบอาคารที่อยู่อาศัยให้สอดรับกับกฎกระทรวงกำหนดประเภทหรือขนาดอาคารและมาตรฐานหลักเกณฑ์และวิธีการในการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (Building Energy Code :BEC) ที่มีผลบังคับใช้ในปี 2562 กับอาคารก่อสร้างใหม่หรือดัดแปลง 9 ประเภท ซึ่งนำร่องอาคารที่มีขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 10,000 ตารางเมตรขึ้นไป เพื่อบรรลุเป้าหมายของแผนอนุรักษ์พลังงานของประเทศ ปี 2558-2579 (EEP2015) ในการลดใช้พลังงานลง 30% ภายในปี 2579
สำหรับอาคารทั้ง 9 ประเภท ประกอบด้วย สำนักงาน , โรงแรม , โรงพยาบาล , ศูนย์การค้า ,โรงมหรสพ , สถานบริการ ,อาคารชุมนุมคน (หอประชุม) ,อาคารชุด และสถานศึกษา
การลงนามครั้งนี้ เป็นการเริ่มต้นที่จะแสดงเจตจำนงที่หน่วยงานรัฐจะร่วมกันส่งเสริม และสนับสนุนให้มีการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน เป็นการร่วมมือกันสร้างเครือข่ายด้านการอนุรักษ์พลังงาน และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับหน่วยงานอื่น ๆ ได้ดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตาม พพ. ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการบังคับใช้ดังกล่าว ด้วยการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และส่งเสริมในเรื่องการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2552 เตรียมความพร้อมบุคลากรผู้ออกแบบอาคาร สถาปนิก วิศวกร เจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่อนุญาตการก่อสร้าง รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ให้มีความรู้ความเข้าใจในนโยบายและทิศทางการดำเนินงานของภาครัฐ
มาตรฐาน BEC นั้น ได้กำหนดเป้าหมายในปี 2563 บังคับใช้กับอาคารที่มีขนาดตั้งแต่ 5,000 ตารางเมตรขึ้นไป และในปี 2564 บังคับใช้ กับอาคารที่มีขนาดตั้งแต่ 2,000 ตารางเมตรขึ้นไป ซึ่งมาตรการบังคับใช้นี้ถือเป็นหนึ่งในมาตรการดำเนินงานของ พพ. ที่จะดำเนินการควบคู่กับมาตรการจูงใจสนับสนุนทางการเงิน สำหรับการอนุรักษ์พลังงานในภาคอาคารให้เกิดการอนุรักษ์พลังงาน และมีประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการพลังงานภายในอาคาร ตามแผน EEP2015
"ตามแผน EEP2015 นั้น ได้วางมาตรการในการลดใช้พลังงานในทุกภาคส่วนที่สำคัญ ซึ่งมีการใช้พลังงาน สูงได้แก่ ภาคขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม ภาคอาคารธุรกิจ และภาคบ้านอยู่อาศัย โดยใช้กลยุทธ์และมาตรการดำเนินงานแบบผสมผสานทั้งมาตรการบังคับใช้ด้วยกฎหมาย และมาตรการจูงใจสนับสนุน เช่น กองทุนเพื่อการส่งเสริมและอนุรักษ์พลังงาน เป็นต้น โดย BEC จะเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่จะมีส่วนทำให้เกิดการประหยัดพลังงานในอาคารได้เป็นอย่างดี" นายยงยุทธ์ กล่าว