TerraBKK ชี้ อสังหาฯไทยปีนี้อยู่ในช่วงขาลง พร้อมเตรียมรับสังคมสูงวัยความเสี่ยงใหม่ในปี 63

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 10, 2019 15:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวสุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด (เว็ปไซต์ TerraBKK.com) กล่าวในงานเสวนา "LTV ทางร่วมของเศรษฐกิจไทย" ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2562 จะอยู่ในช่วงขาลงเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา เพราะผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวจากมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) เร่งปรับกลยุทธ์ทำสินค้าออกมาให้ตอบโจทย์ลูกค้า และราคาให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และเตรียมความพร้อมรับความเสี่ยงใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2563 ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของความท้าทาย โดยเฉพาะการก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยของไทย ซึ่งจะมีผลให้จำนวนประชากรวัยแรงงานลดลงและอาจเกิดผลกระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

สำหรับพฤติกรรมการซื้อบ้านของคนไทยในยุค 4.0 มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยคนส่วนใหญ่นิยมใช้ Digital Media เป็นช่องทางในการศึกษา ค้นหาข้อมูลก่อน เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจซื้อภายหลัง ซึ่งจากการเก็บข้อมูลออนไลน์ กลุ่มตัวอย่างจำนวน 402 ราย ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล พบว่า ผู้ที่มีรายได้ 10,001-35,000 บาทต่อเดือน กว่า 43% เป็นผู้ที่ไม่มีการถือครองอสังหาริมทรัพย์ และเป็นกลุ่มที่มีเงินออมอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่อีกราว 40-43% ของผู้ที่มีรายได้ 10,001-35,000 บาทต่อเดือน เป็นกลุ่มที่มีการถือครองอสังหาริมทรัพย์ 1 ทรัพย์เท่านั้น

ส่วนกลุ่ม Gen X (อายุ 36-54 ปี) รายได้มากกว่า 50,000 บาทขึ้นไป เป็นกลุ่มที่มีความน่าสนใจ เพราะมีการถือครองอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 2 ทรัพย์ขึ้นไป ถึง 52% เมื่อมาดูรายละเอียดจะพบว่า กลุ่ม Gen Y ตอนกลาง (อายุ 26-30 ปี) กว่า 55% ซื้ออสังหาริมทรัพย์หลังแรกเพื่อการอยู่อาศัยเอง ส่วนกลุ่ม Gen X (อายุ 36-54 ปี) และ Baby Boomer (อายุมากกว่า 54 ปี) มีแนวโน้มการซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าและเป็นสินทรัพย์ในอนาคต ถึง 55% จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นว่า กลุ่มคนที่มีอายุมากกว่า 36 ปี ขึ้นไป มีการวางแผนทางการเงินด้วยการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพราะมองว่าเป็นการออมเงินในสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ และยังสามารถเก็บเป็นทรัพย์สินสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคตไว้ให้ลูกหลานได้ด้วย

นอกจากนี้ผู้ตอบแบบสอบถามกลุ่ม Gen Y ตอนกลาง (อายุ 26-30 ปี) และ Gen Y ตอนปลาย (อายุ 31-35 ปี) ยังระบุว่านิยมซื้อคอนโดมิเนียม มากถึง 57% สวนทางกับกลุ่ม Baby Boomer (อายุมากกว่า 54 ปี) ที่ยังคงซื้อคอนโดมิเนียม ในสัดส่วน 42% แต่จะมีความนิยมซื้อทาวน์โฮม บ้านเดี่ยว และอาคารพาณิชย์มากกว่า ถึง 58%

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าในช่วง ปี 2558 -2561 อสังหาริมทรัพย์ไทย ตลาดมีความคึกคักอย่างมาก โดยจากการจัดอันดับของ Globalpropertyguide.com พบว่า ประเทศไทย เป็นประเทศที่น่าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อันดับ 4 ด้วย Rental Yield 5.13% สูงกว่า มาเลเซีย สิงคโปร์ และ ญี่ปุ่น ขณะที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ของไทย ในรอบ 5 ที่ผ่านมา ราคามีการเปลี่ยนแปลงราว 16.29% ซึ่งปรับตัวน้อยกว่ามาเลเซีย ที่ราคาปรับตัวถึง 43.35% และญี่ปุ่น ปรับตัวถึง 29.85% ส่งผลให้อสังหาริมทรัพย์ไทยมีความน่าสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มชาวจีน ที่เข้ามาลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยจำนวนมาก เห็นได้จากมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดทั้งหมดในปี 2560 ของชาวต่างชาติสูงถึง 27% และ 1 ใน 3 ของยอดการโอนเป็นของลูกค้าชาวจีน

การเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวจีนในปี 2561 ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยเติบโตสูง และเป็นตัวเร่งให้ราคาคอนโดมิเนียมบางทำเลดีดตัวสูงขึ้นจากปกติ โดยราคาที่สูงขึ้นย่อมส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของลูกค้าชาวไทยที่รายได้ปรับขึ้นเฉลี่ยปีละ 4% เท่านั้น ซึ่งไม่สอดคล้องกับราคาคอนโดมิเนียมที่เพิ่มขึ้นถึง 9%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ