นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน กล่าวบรรยายในหัวข้อ Advancing Inclusive Access to Secure, Affordable and Sustainable Energy Service การเข้าถึงบริการด้านพลังงานที่มั่นคง ราคาเข้าถึงได้ และยั่งยืน ในระหว่างการประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรีพลังงานเอเชีย ครั้งที่ 8 (Asian Ministerial Energy Roundtable : AMER 8) ในวันนี้ ที่กรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โดยระบุว่าโลกกำลังอยู่ในยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เปลี่ยนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่โลกพลังงานสะอาด โลกของพลังงานหมุนเวียน เป็นยุคที่ผู้บริโภคกลายเป็นศูนย์กลาง สามารถควบคุมการใช้ไฟฟ้า การผลิต การขาย และทางเลือกแหล่งพลังงานของตนเองได้ ในฐานะที่เป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ (Prosumer)
"เรากำลังเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนที่สำคัญและการเปลี่ยนแปลงในตลาดพลังงาน เช่น ความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลาง มาตรการแทรกแซง สงครามการค้า โดยเฉพาะการปฏิวัติของ Shale Oil ส่งผลต่อตลาดก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เกิดการเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซอย่างมาก ซึ่งการรับมือความท้าทายเหล่านี้ จำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องพิจารณานโยบายและกลยุทธ์ที่นำมาใช้ได้จริงในการเพิ่มความมั่นคงทางพลังงาน การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การสนับสนุนพลังงานสะอาด การพัฒนาพลังงานทางเลือกและพลังงานหมุนเวียน รวมถึงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านพลังงาน"
สำหรับประเทศไทยมองเรื่องความมั่นคง ความยั่งยืน และการเข้าถึงพลังงานขึ้นอยู่กับการบูรณาการเชื้อเพลิงที่สะอาดขึ้น และเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน การกระจายการผลิต การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ระบบพลังงานอัจฉริยะและระบบดิจิทัล
ปัจจุบันไทยกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปสู่ Thailand 4.0 ผ่าน BCG Model(Bio-Circular-Green Economy) ที่มีเชื้อเพลิงสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนเป็นกระแสหลัก ไทยได้วางยุทธศาสตร์ "พลังงานเพื่อทุกคน"(Energy for All) ซึ่งจะสนับสนุนการเพิ่มรายได้ให้ประชาชน พร้อมกับยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เราต้องปรับปรุงโครงข่ายพลังงานชุมชนโดยใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ เพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ก๊าซชีวมวล และเชื้อเพลิงชีวภาพผ่านโรงไฟฟ้าชุมชน พร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานผ่านการใช้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
"ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบันที่มีความซับซ้อน ผมต้องขอบคุณบทบาทที่แข็งขันของ International Energy Forum หรือ IEF ซึ่งทำให้การประชุม AMER ยังคงทำหน้าที่เป็นหนึ่งในเวทีระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดสำหรับบรรดารัฐมนตรีที่จะนำเสนอและเน้นย้ำโอกาสอันดีสำหรับทุกคนที่จะหารือในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับภาคพลังงานในปัจจุบันและมีอิทธิพลต่อแนวโน้มการเติบโตทั่วโลก"รมว.พลังงาน กล่าว