นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยผลภาพรวมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 51 ว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาของโลกและภูมิภาค ทบทวนการดำเนินตามแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2025 (AEC Blueprint 2025) พร้อมทั้งรับทราบการเติบโตทางเศรษฐกิจของอาเซียนในภาพรวมปีนี้ ที่คาดว่าจะเติบโตได้ 4.8% และปีหน้าที่ 4.9% โดยการค้าสินค้าในอาเซียนเพิ่มขึ้น 8.7% การค้าบริการเพิ่มขึ้น 10.6% ในขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เพิ่มขึ้น 5.3%
อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความไม่แน่นอนและความตึงเครียดทางการค้า รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนยังคงมุ่งมั่นที่จะร่วมกันดำเนินการตามเป้าหมายในการขยายการค้าระหว่างกันภายในอาเซียนให้เพิ่มเป็นสองเท่าภายในปี 2025 โดยให้มีระบบการค้าที่เปิดกว้าง มีส่วนร่วม และยึดถือกฎเกณฑ์กติกา และเศรษฐกิจที่มีการเตรียมพร้อมรับมือกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4
สำหรับสถานการณ์สงครามการค้าและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ทุกประเทศมีความกังวลร่วมกัน และจะพยายามร่วมมือกันในการหาทางออกต่อไป เพื่อลดอุปสรรคทางการค้าและความแน่นอนต่างๆ ที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ยังได้รับทราบความคืบหน้าของประเทศสมาชิกอาเซียนในการลดภาษีภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน โดยสมาชิกอาเซียน 6 ประเทศ (บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย) ได้ยกเลิกอากรนำเข้าไปแล้ว 99.3% ขณะที่ประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ได้ยกเลิกอากรนำเข้าแล้ว 98.6%
นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน 10 ประเทศ และรัฐมนตรีประเทศสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ทั้ง 16 ประเทศต่างยืนยันตรงกันว่าพร้อมจะสนับสนุนให้การเจรจารอบดานังช่วงปลายเดือนก.ย.นี้ สามารถมีข้อยุติได้ และนำไปสู่การประชุมระดับรัฐมนตรี RCEP ที่กรุงเทพฯ เพื่อให้มีการลงนามในปี 63
"ทุกฝ่ายยืนยันตรงกัน ดังนั้นมีความเป็นไปได้ว่าการเจรจา RCEP จะจบในปีนี้ได้ตามเป้าหมาย การเจรจาเรื่องเทคนิคทั้งหมด จะจบในรอบดานัง เหลือการประชุมระดับรัฐมนตรี RCEP อีกครั้งในเดือนพ.ย...ในภาพรวมทุกอย่างยังเป็นไปตามเป้าหมายของทุกการประชุม ความคืบหน้ามีทุกการประชุม และมีสัญญาณที่ดี" รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์กล่าว