ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 30.58 แข็งค่าจากช่วงเช้า คลายกังวลปัญหาสงครามการค้า-ยังรอลุ้นผลประชุม ECB

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 11, 2019 17:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ที่ระดับ 30.58 บาท/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่ เปิดตลาดที่ระดับ 30.63 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวระหว่าง 30.58-30.63 บาท/ดอลลาร์

"เงินบาทแข็งค่าน่าจะมาจากตลาดคลายกังวลสงครามการค้าหลังจีนเปิดเผยรายการสินค้าของสหรัฐที่จะได้รับการยกเว้นการ เก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติม ซึ่งเป็นเหมือนการส่งสัญญาณเชิงบวกว่าปัญหาสงครามการค้าน่าจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นและส่งผลต่อค่าเงิน สกุลตลาดเกิดใหม่...อย่างไรก็ตามยังต้องรอลุ้นผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB)" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่ากรอบการเคลื่อนไวของค่าเงินบาทในวันพรุ่งนี้ระหว่าง 30.55-30.65 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 107.69 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ 107.60 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1021 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ 1.1045 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,674.03 จุด เพิ่มขึ้น 8.10 จุด, +0.49% มูลค่าการซื้อขาย 71,227.76 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,443.24 ลบ.(SET+MAI)
  • ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงจากเกณฑ์
ร้อนแรงมาอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว (Neutral) โดยผลสำรวจพบว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศเป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุน
มากที่สุด ขณะที่นักลงทุนคาดหวังการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินของธนาคารสหรัฐ เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน

นักลงทุนมีความกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากการประกาศตอบโต้เพิ่มอัตราภาษีทาง การค้าระหว่างสหรัฐและจีนเป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด รองลงมาคือความกังวลผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และภาวะ เศรษฐกิจในประเทศจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เป็นปัจจัยที่นักลงทุนจับตามอง

สำหรับปัจจัยทางเศรษฐกิจโลกที่ต้องติดตามได้แก่ นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ ธนาคารกลางของกลุ่ม ประเทศอียู ที่มีแนวโน้มผ่อนคลายทางการเงินรวมถึงมาตรการ QE จากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทิศทางการเจรจาทางการค้าระหว่าง จีนและสหรัฐ แนวโน้ม Brexit ที่มีกำหนดเส้นตายในวันที่ 31 ต.ค.62 เป็นปัจจัยที่นักลงทุนจับตามอง

  • ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) เปิดเผยรายงานสถิติประจำปี Key Indicators for Asia and the
Pacific 2019 โดยระบุว่า ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกมีส่วนในการสนับสนุนความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลกมากขึ้น
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ออกมาตรการ central bank bills swap (CBS) ครั้งที่ 4 ในวันนี้ เพื่อปรับปรุงสภาพ
คล่องของหุ้นกู้ที่ไม่กำหนดวันไถ่ถอน (perpetual bond) ที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์
  • สำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) เปิดเผยในแถลงการณ์ว่า กองทุนทั่วโลกไม่จำเป็นต้องขออนุมัติโควต้า
เพื่อซื้อหุ้นและพันธบัตรของจีนอีกต่อไป โดยยกเลิกการกำหนดเพดานวงเงินรวม 3 แสนล้านดอลลาร์สำหรับนักลงทุนต่างชาติในการซื้อ
สินทรัพย์
  • นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ในวันนี้ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ และเดินหน้าการดำเนินการให้บรรลุเป้า
หมายต่างๆ ซึ่งรวมถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
  • กระทรวงการคลังของจีนเปิดเผยรายการสินค้าชุดแรกของสหรัฐจำนวน 16 ชนิด รวมถึงเวย์โปรตีน, ปลาป่น และน้ำมัน
หล่อลื่น ซึ่งจะได้รับการยกเว้นจากการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมสำหรับสินค้ารอบแรกของสหรัฐ

คณะกรรมาธิการภาษีศุลกากรของสภาแห่งรัฐเปิดเผยว่า การยกเว้นการเก็บภาษีเพิ่มเติมกับสินค้าดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ใน วันที่ 17 ก.ย. เป็นเวลา 1 ปีจนถึงวันที่ 16 ก.ย. 2563


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ