พาณิชย์ มองแนวโน้มเงินบาทปีนี้ยังแข็งค่าแต่ช่วงที่ผ่านมาไทยส่งออกได้ดีกว่าประเทศที่ค่าเงินอ่อน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 12, 2019 10:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ช่วงที่เหลือของปี 62 ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มทรงตัว หรืออาจจะแข็งค่าเพิ่มขึ้น โดยเคลื่อนไหวในช่วง 30-31 บาท/ดอลลาร์ เป็นไปตามปัจจัยหลัก ประกอบด้วย (1) การดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติมของประเทศสำคัญของโลก เช่น สหรัฐฯ จีน และสหภาพยุโรป (2) แนวทางการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit) และ (3) ความขัดแย้งการเมืองระหว่างประเทศ เป็นต้น ซึ่งต้องเร่งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการทำประกันความเสี่ยงค่าเงิน เพื่อรองรับผลกระทบจากการความผันผวนและค่าเงินที่อาจจะแข็งค่าเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 62

ทั้งนี้ สนค.วิเคราะห์อัตราแลกเปลี่ยนของประเทศคู่ค้าที่สำคัญและของไทย พบว่าค่าเงินบาทเฉลี่ยจากต้นปีจนถึงวันที่ 30 ส.ค.62 อยู่ที่ 31.39 บาท/ดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้น 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน และแข็งค่ากว่าประเทศคู่แข่งและคู่ค้าที่สำคัญซึ่งส่วนมากค่าเงินอ่อนค่า เนื่องจากปัจจัยเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศ รวมทั้งความขัดแย้งระหว่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ (อ่อนค่า 6.5%) สหภาพยุโรป (อ่อนค่า 6.3%) อังกฤษ (อ่อนค่า 6.2%) จีน (อ่อนค่า 5.3%) อินเดีย (อ่อนค่า 5.1%) ไต้หวัน (อ่อนค่า 4.0%) มาเลเซีย (อ่อนค่า 4.0%) และเวียดนาม (อ่อนค่า 2.1%) เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยยังทำได้ดีกว่าประเทศที่ค่าเงินอ่อน โดย 7 เดือนแรกของปี 62 (ม.ค.-ก.ค.) ไทยส่งออกหดตัว 1.9% ในขณะที่เกาหลีใต้หดตัวถึง 8.9% อังกฤษหดตัว 3.5% ไต้หวันหดตัว 2.9% และมาเลเซียหดตัว 4.8% ดังนั้นการแข็งค่าของค่าเงินบาทแม้ว่าจะทำให้รายได้ผู้ประกอบการลดลง แต่ในภาพรวมส่งผลกระทบต่อการส่งออกยังจำกัด

สินค้าเกษตรซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากแข็งค่าของค่าเงิน พบว่า แม้ว่าการส่งออกสินค้าเกษตรบางชนิดจะหดตัว แต่การส่งไปบางตลาดยังขยายตัวได้ดี เช่น การส่งออกข้าว 7 เดือนแรกหดตัว 18.5% แต่ส่งออกไปสหรัฐฯ ขยายตัว 13.9% (มีสัดส่วน 13.8% ของการส่งออกข้าวทั้งหมด) การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 7 เดือนแรก หดตัว 6.9% แต่การส่งออกไปญี่ปุ่นขยายตัว 3.2% (มีสัดส่วน 10.6%) การส่งออกข้าวโพด 7 เดือนแรก หดตัว 20.7% แต่การส่งออกไปเวียดนามขยายตัว 29.2% (มีสัดส่วน 23.2%)

นอกจากนี้ การส่งออกอาหารทะเลกระป๋อง 7 เดือนแรก ขยายตัว 2.3% โดยส่งออกไปสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ขยายตัว 16.5% และ 10.4% ตามลำดับ เป็นต้น รวมถึงการส่งออกผลไม้สด/แช่แข็งที่มีความนิยมสินค้าไทยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การส่งออกขยายตัวสูงถึง 44.9% สะท้อนการส่งออกสินค้าเกษตรยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อการส่งออก เช่น ความต้องการสินค้า และคุณภาพสินค้า เป็นต้น

ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรม และสินค้าไลฟ์สไตล์หลายชนิดที่ขยายตัวได้ดี เช่น เครื่องสำอาง/ผลิตภัณฑ์รักษาผิว ขยายตัว 15.3% เครื่องรับวิทยุและส่วนประกอบ ขยายตัว 13.3% รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ขยายตัว 12.6% ตู้เย็น ขยายตัว 3.3% และผลิตภัณฑ์ยาง ขยายตัว 1.3%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ