นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 30.57 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ปิดตลาดเมื่อเย็นวานนี้ที่ระดับ 30.58 บาท/ดอลลาร์ หลังตลาดคลายกังวลเรื่องสงครามการค้าที่มีแนวโน้มผ่อนคลายลง ส่งผลให้นัก ลงทุนเข้ามาซื้อสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
"บาทแข็งค่าจากเย็นวานนี้เล็กน้อย หลังมีข่าวดีเชิงบวกเรื่องสงครามการค้าที่ต่างฝ่ายต่างถอยกันคนละก้าว ทำให้นัก ลงทุนหันมาซื้อสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ขณะที่ค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ปรับตัวแข็งค่า" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 30.55-30.65 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ตลาด ยังรอดูผลประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในคืนนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยและออกมาตรการผ่อนคลายเชิง ปริมาณ (QE) รอบใหม่
THAI BAHT FIX 3M (11 ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.43216% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.39949%
SPOT ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 30.4675 บาท/ดอลลาร์
*ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ 108.06 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 107.69 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ 1.1014 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 1.1021 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 30.6210 บาท/
ดอลลาร์
- สภาธุรกิจตลาดทุน เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนช่วง 3 เดือนข้างหน้า วูบหนักกว่า 21% เหตุกังวลสงครามการค้า-กำ
ไรบจ.ชะลอตัว ด้านสมาคมนักวิเคราะห์ ระบุโบรกเกอร์เตรียมหั่นเป้าดัชนีหุ้นไทย หลังสงครามการค้ายืดเยื้อ กดดันเศรษฐกิจ ส่วน
ดัชนีคาดการณ์ดอกเบี้ยประเมิน กนง. จ่อปรับลดอีกรอบช่วงปลายปีนี้
- EIC SCB มองแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังมีความท้าทายและความเสี่ยงเศรษฐกิจที่อาจจะส่งผล
กระทบต่อจีดีพี ให้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ได้ ปัจจุบันอีไอซีคาดการณ์จีดีพีที่ 3.0% จะมีการทบทวนโดยประเด็นหลักที่ต้องติดตาม ได้แก่
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐ กับจีนที่ยังคงยืดเยื้อ กระทบต่อการส่งออกและต่อเนื่องถึงการผลิตในภาคอุตสาหกรรม และการลงทุน
ใหม่ รวมทั้งกระทบกับการจ้างงาน ซึ่งช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีสัญญาณการจ้างงานติดลบ คาดว่าจะติดลบอีกต่อเนื่อง ด้านค่าเงินบาทยัง
แข็งค่าต่อเนื่องจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ทำให้แข็งค่ากว่าทุกสกุลเงินในภูมิภาค ตั้งแต่ต้นปี 2562 เงินบาทแข็งค่า 6% เทียบ
ดอลลาร์สหรัฐ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาท
การค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากรัฐบาลจีนเปิดเผยรายชื่อสินค้าของสหรัฐที่ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า ก่อนที่การเจรจาการค้า
ระหว่างสองประเทศจะเปิดฉากขึ้นในเดือนหน้า โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น นอกจาก
นี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของราคาหุ้นแอปเปิล หลังจากบริษัทเปิดตัวผลิตภัณฑ์ iPhone รุ่นใหม่
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (11 ก.
ย.) หลังจากสื่อรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน เพื่อหวังปูทางไปสู่การพบปะกับ
ประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ผู้นำอิหร่าน นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันหลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)
ได้ปรับลดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกปีนี้และปีหน้า
- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ก.
ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรวัดเงินเฟ้อของสหรัฐนั้น ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือน
ส.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้ รวมทั้งการประชุมของธนาคารกลาง
สหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า
- ประธานาธิบดีโดนัดล์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ทวีตข้อความว่า เขาจะเลื่อนการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน
2.50 แสนล้านดอลลาร์ จากวันที่ 1 ต.ค. ไปเป็นวันที่ 15 ต.ค. เพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่ดีกับจีน พร้อมกับทวีตข้อความ ระบุว่า
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0% หรือสู่ระดับติดลบ เพื่อให้ชาวสหรัฐสามารถรีไฟแนนซ์หนี้
- ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลาง
สหรัฐ (เฟด) จะผ่อนคลายนโยบายในการประชุมเดือนนี้ ณ เวลา 00.30 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX
(Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับตัวขึ้น 3.30 ดอลลาร์ หรือ 0.22% สู่ระดับ 1,502.50 ดอลลาร์/ออนซ์
- ฮ่องกง เอ็กซ์เชนจ์ แอนด์ เคลียริ่ง ลิมิเต็ด (HKEX) ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการตลาดหุ้นฮ่องกง แถลงในวันนี้ว่า
HKEX ได้ยื่นข้อเสนอวงเงิน 3.16 หมื่นล้านปอนด์ เพื่อซื้อกิจการของตลาดหุ้นลอนดอน โดยข้อเสนอดังกล่าว รวมถึงหนี้สินมูลค่า 2
พันล้านปอนด์ แต่ขึ้นอยู่กับว่า ลอนดอน สต็อก เอ็กซ์เชนจ์ กรุ๊ป (LSEG) ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการตลาดหุ้นลอนดอน จะต้องยกเลิกข้อ
เสนอในการซื้อกิจการบริษัท Refinitiv ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงินของสหรัฐ วงเงิน 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์
- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลัง
จากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. โดยเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนก.
ค.
--อินโฟเควสท์ โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์/ธนวัฏ โทร.02-2535000 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--