นายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า แนวโน้มของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยในช่วงไตรมาส 4/62 คาดว่ายอดขายและยอดโอนจะทรงตัวหรือติดลบ 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหากมีปัจจัยบวกเข้ามาก็จะทำให้ยอดขายและยอดโอนทรงตัวได้ แต่หากไม่มีปัจจัยบวกเพิ่มเติมก็อาจจะติดลบ 10% หลังตั้งแต่ต้นปีภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยติดลบ 5% ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลต่อกำลังซื้อที่ชะลอตัวตามไปด้วย ขณะที่การขายโครงการต่าง ๆ ช้าขึ้น และยอดขายไม่เป็นไปตามที่ผู้ประกอบการคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายเลื่อนตัดสินใจเปิดโครงการใหม่ไปเป็นปีหน้าจากเดิมที่จะเปิดโครงการในปีนี้
ขณะที่ยอดโอนที่มีการชะลอตัวขึ้นในช่วงนี้มองว่าเกิดจากความไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจโอน ประกอบกับธนาคารพาณิชย์มีความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อมากกว่าปกติ และมีการปฏิเสธสินเชื่อที่สูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันอัตราการปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นสูงแตะ 40% โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมถึงผู้ที่ทำอาชีพอิสระ จะเป็นกลุ่มแรกที่ธนาคารพาณิชย์จะปฏิเสธการให้สินเชื่อทันทีและมีการพิจารณาที่เข้มงวดมาก
อย่างไรก็ตามมองว่าความเข้มงวดในการให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ที่มากขึ้นนั้น อาจจะมาจากความไม่มั่นใจในการให้สินเชื่อแก่ลูกค้าที่ยื่นขอสินเชื่อเข้ามาในภาวะปัจจุบันที่เผชิญกับความเสี่ยงจากภายในประเทศ และยังมีปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบค่อนข้างมาก อีกทั้งปัจจุบันเริ่มเห็นการเลิกจ้างงานของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพาณิชยกรรมเพิ่มขึ้นมากในช่วงนี้ ทำให้ธนาคารพาณิชย์เองต้องมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงและควบคุมคุณภาพหนี้ของธนาคารพาณิชย์เอง
"จากการที่รัฐบาลออกวงเงินกู้สินเชื่อ 5 หมื่นล้านบาทผ่านธอส. มองว่าไม่เป็นประโยชน์ เพราะส่วนใหญ่การกู้ไม่ผ่าน เพราะเขาไม่ปลดล็อก KPI ของแบงก์รัฐ ทำให้แบงก์รัฐไม่กล้าปล่อยสินเชื่อมากนัก จริง ๆ แล้วควรเอาแบงก์รัฐมาถ่วงดุลเพื่อปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำมาแข่งกับแบงก์เอกชน และทำให้แบงก์รัฐปล่อยกู้ได้ง่ายขึ้น ทำให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อบ้านในมากขึ้นด้วย"นายอธิป กล่าว