นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยถึงผลจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร ในช่วง 11 เดือนของปีงบประมาณ 2562 (ต.ค.61 - ส.ค.62) ว่า สามารถจัดเก็บได้รวม 1,775,101 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ (2.0 ล้านล้านบาท) 36,118 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.1% และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 85,548 ล้านบาท หรือ 5.1%
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวสรุปว่า การจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร แม้จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยเศรษฐกิจภายนอกประเทศ เช่น สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ แต่ในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ 2562 กรมสรรพากรจะเพิ่มประสิทธิภาพและเร่งรัดติดตามการจัดเก็บภาษี นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการบริหารจัดเก็บภาษี
ทั้งนี้ กรมสรรพากรมั่นใจว่าในปีงบประมาณ 2562 จะสามารถจัดเก็บรายได้เป็นไปตามเป้าหมายเอกสารงบประมาณ 2.0 ล้านล้านบาท ซึ่งจะมีส่วนสาคัญในการรักษาเสถียรภาพทางการคลังของประเทศให้ยั่งยืนต่อไป
ด้านนายปิ่นสาย สุรัสวดี ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษีฯ ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลจัดเก็บตามประเภทภาษีสำคัญ มีรายละเอียดดังนี้
1. ภาษีเงินได้นิติบุคคล จัดเก็บได้ 554,121 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเอกสารงบประมาณ 4,521 ล้านบาท และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 4.2% จากผลประกอบการของนิติบุคคลในปีก่อนที่ปรับตัวดีขึ้น
2. ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม จัดเก็บได้ 99,556 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเอกสารงบประมาณ 52,986 ล้านบาท และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 56.6% จากการเร่งรัดติดตามจัดเก็บภาษีกับผู้ประกอบการปิโตรเลียม และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
3. ภาษีธุรกิจเฉพาะ จัดเก็บได้ 56,539 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเอกสารงบประมาณ 1,193 ล้านบาท และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.4% จากการเร่งโอนอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น ก่อนมาตรการควบคุมสินเชื่อบ้านหลังที่สองในเดือนเมษายน 2562
4. อากรแสตมป์ จัดเก็บได้ 14,680 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเอกสารงบประมาณ 352 ล้านบาท และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.5% จากการจัดเก็บภาษีจากสัญญาและตราสารเพิ่มขึ้นตามโครงการลงทุนภาครัฐและเอกชน
5. ภาษีมูลค่าเพิ่ม จัดเก็บได้ 736,416 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายเอกสารงบประมาณ 22,188 ล้านบาท แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.2% จากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ซึ่งส่งผลต่อการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าเป็นสำคัญ