นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำคณะกรรมการฯ เข้าพบกับนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เพื่อนำเสนอมุมมองและข้อเสนอแนะของภาคเอกชนต่อการผลักดันเศรษฐกิจของประทศ โดยเปิดเผยข้อเสนอแนะ ประกอบด้วย 1.การส่งเสริมการท่องเที่ยว เสนอให้มีการจัดตั้งจุดรับคืนภาษีในเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ (Downtown VAT Refund) เป็นแบบถาวร และออกมาตรการทางภาษีสำหรับการปรับปรุงโรงแรมและห้องพักเก่า (Renovate) เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว
2. การอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ขอให้ขับเคลื่อนและพัฒนาการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบ NSW (National Single Window) อย่างสมบูรณ์ โดยมีกรมศุลกากรทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานหลัก และขอให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) เป็นเจ้าภาพในการดำเนินงาน
3. เร่งออกระเบียบปฏิบัติ ตาม พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีการเตรียมความพร้อมก่อนมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป
4. การอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจพาณิชยนาวี อาทิ ด้านการถ่ายลำและผ่านแดน เพื่อให้ท่าเรือแหลมฉบังเป็น ASEAN GATEWAY การพิจารณามาตรการทางการเงินเพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจพาณิชยนาวี วงเงิน 18,000 ล้านบาท ให้มีผลในทางปฏิบัติอีกครั้งหนึ่ง และขอให้กรมศุลกากรร่วมกับภาคเอกชน โดยหอการค้าไทยศึกษาแนวทางความเป็นไปได้ในการพิจารณาอนุญาตใช้ตู้คอนเทนเนอร์ที่ขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศมาขนส่งในประเทศ
นอกจากนั้น ยังขอให้กรมสรรพากรเชิญผู้แทนจากหอการค้าไทยและสภาหอการค้าฯ ได้เข้าไปมีส่วนร่วมให้ความเห็นต่อการปรับปรุงประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 105) เรื่อง กำหนดประเภท หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข กรณีการให้บริการที่กระทำในราชอาณาจักรฯ เพื่อให้มีความชัดเจนและปฏิบัติได้จริง พร้อมทั้งขอให้แจ้งแนวปฏิบัติด้านการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศตามสัญญาแบบ Time Charter Party ให้ภาคเอกชนได้รับทราบ เพื่อสร้างความเข้าใจต่อแนวปฏิบัติที่ชัดเจนร่วมกัน รวมถึงขอให้กรมสรรพากรศึกษารายละเอียดและแนวปฏิบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพิจารณาภาษีสำหรับเรือ Super Yacht ต่างชาติ เพื่อบรรเทาผลกระทบกรณีที่ผู้ประกอบการจะต้องรับภาระต้นทุนระหว่างการขอคืนภาษี
5. การสนับสนุนงบประมาณดำเนินมาตรการป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง โดยให้กรมบัญชีกลางดำเนินโครงการฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในปี 2563 อาทิ โครงการข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) โครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (Construction Sector Transparency Initiative : CoST)
6. การร่วมแก้ไขปัญหาจากการจัดเก็บภาษีและกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค โดยขอให้จัดตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน (กกร.ร่วมกับกระทรวงการคลัง)
7. การส่งเสริมการค้าชายแดนและข้ามแดน เสนอให้กรมศุลกากรพิจารณาขยายเวลาเปิด-ปิดด่าน ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับรถขนส่งสินค้าและแก้ปัญหารถแออัดบริเวณหน้าด่านชายแดน ประกอบด้วย ด่านช่องสะงำ (ศรีษะเกษ), ด่านสะพานข้ามแม่น้ำแม่สาย (เชียงราย), ด่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 (ตาก), ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 (หนองคาย), ด่านมุกดาหาร (มุกดาหาร), ด่านช่องเม็ก (อุบลราชธานี), ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม) และด่านท่าลี่ (เลย)
"คณะกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ยินดีให้ความร่วมมือและสนับสนุนรัฐบาล เพื่อทำให้นโยบายต่าง ๆ สามารถขับเคลื่อนได้อย่างเป็นรูปธรรม อันจะก่อให้เกิดประโยชน์โดยรวมต่อประชาชน สังคม เศรษฐกิจ และประเทศชาติต่อไป" นายกลินท์ กล่าว