ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐลงในปีนี้ เนื่องจากภาวะตกต่ำในตลาดที่อยู่อาศัยและภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ ยังคงส่งผลกระทบต่อตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและการลงทุนในภาคธุรกิจ
ทั้งนี้ เฟดคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวที่ระดับ 1.3-2% ในปี 2551 ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.8-2.8%
"เนื่องจากตลาดการเงินและตลาดที่อยู่อาศัยยังไม่มีเสถียรภาพ คณะกรรมการเฟดจึงเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง แม้ว่าเฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไปแล้วก็ตาม" เฟดกล่าวในรายงาการประชุมประจำวันที่ 29-30 ม.ค.
"เฟดคาดว่าอัตราว่างงานและอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ โดยคาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 5.2-5.3% ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 4.9% ส่วนอัตราเงินเฟ้อนั้นคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.8-2.1% ในปีนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง" เฟดระบุ
เฟดกล่าวว่า การปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2551 นั้นมาจากหลากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงการปรับฐานลงของตลาดที่อยู่อาศัย ภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ คุณภาพสินเชื่อ ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง และตลาดการเงินที่ยังคงผันผวน
อย่างไรก็ตาม เฟดคาดว่าหลังจากปี 2551 ผ่านพ้นไปแล้ว เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้น และคาดว่าตลาดที่อยู่อาศัยจะค่อยๆฟื้นตัวขึ้นด้วย อีกทั้งคาดว่าภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อจะคลี่คลายลง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่เฟดตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหลายครั้งและใช้มาตรการด้านการเงินที่เหมาะสม
"เราคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งในปี 2552 และ 2553" เฟดกล่าว สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--