น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงมาตรการกันสำรองร้อยละ 30 ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งหลายฝ่ายเป็นห่วงกันมากและให้ความเห็นที่หลากหลายว่า จากมุมมองที่ต่างกันไป แม้ว่ามาตรการดังกล่าวได้ผ่อนปรนไปมากสำหรับการนำเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ การลงทุนในตราสารหนี้ แต่บางฝ่ายมองว่า หากมีการยกเลิกมาตรการกันสำรองจะทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามาเป็นจำนวนมากจนกระทบต่อค่าเงินบาทแข็งค่ามากขึ้นอีก
บางฝ่ายมองว่า ควรรอดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจให้ชัดเจนแล้ว 6 เดือนค่อยตัดสินใจ เพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าเงินบาท และบางฝ่ายระบุว่าหากรอถึง 6 เดือน นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งยังไม่ชัดเจนต่อนโยบายก็จะชะลอการลงทุนออกไปอีกถึง 6 เดือน ก็จะกระทบต่อการตัดสินใจการลงทุนทำให้เสียโอกาสได้ ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงมีความเห็นที่หลากหลายแตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังจึงต้องการรอข้อมูลของ ธปท. ที่ได้ขอเพิ่มเติมอีกหลายด้าน เพื่อมาประกอบการตัดสินใจ เพราะต้องการให้การตัดสินใจมีประโยชน์มากกว่าผลกระทบในเชิงลบต่อส่วนต่างๆ และยอมรับว่าคงไม่สามารถพูดให้สาธารณะชนได้รับทราบได้ชัดเจน เพราะจะทำให้มีการเก็งกำไรในการตลาดเงิน จึงต้องรอบคอบในการใช้ข้อมูล
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์ โทร.0-2253-5050 อีเมล์: jumnain@infoquest.co.th--