นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวปาฐกถาพิเศษ "วิสาหกิจเพื่อสังคม รากฐานสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน" ในงานสัมมนา "โครงการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน"ว่า วิสาหกิจเพื่อสังคม เป็นแนวคิดที่มีการดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้วในต่างประเทศ โดยประเทศไทยได้นำแนวคิดดังกล่าวมาผลักดันให้เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย ทำให้เกิดกฎหมาย หรือ พ.ร.บ.ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ.2562 ขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นการขับเคลื่อนอย่างจริงจังของรัฐบาลชุดนี้ และยังมีกฎหมายอีกหลายฉบับที่รัฐบาลได้ขับเคลื่อน เช่น พ.ร.บ.ป่าไม้, พ.ร.บ.ธนาคารชุมชน เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนที่อยู่ฐานรากมีความเข้มแข็งขึ้น
ทั้งนี้ หลังจากได้มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ.2562 สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม (สวส.) ซึ่งเป็นผู้ดูแลในขณะนี้ก็ได้มีการขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อมั่นว่าจะมีวิสาหกิจเพื่อสังคมเข้ามาจดทะเบียนมากกว่า 1,000 กิจการ ภายใน 5 ปีนับจากนี้
นายกอบศักดิ์ ยังมองว่า สังคมไทยปัจจุบันยังมีปัญหาอยู่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะปัญหาความเลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งการมีวิสาหกิจเพื่อสังคมจะมาช่วยตอบโจทย์ในเรื่องดังกล่าวในการเข้ามาช่วยเหลือประชาชน โดยอาศัยอุดมการณ์หรือการเป็นจิตอาสา เนื่องด้วยปัจจุบันเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐมีจำนวนค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือ เพื่อให้ประเทศชาติสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
พร้อมกันนี้ สิ่งที่รัฐบาลจะช่วยผลักดันต่อ คือการอนุมัติงบประมาณ รวมถึงการพิจารณาแนวทางการจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม โดยแนวทางเบื้องต้นที่มองไว้ คือการนำเงินจากวิสาหกิจที่เข้มแข็งมาเป็น Founder จัดตั้งกองทุนฯ เพื่อเป็นเงินลงทุนตั้งต้นในขั้นตอนแรก หรือการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าสู่กองทุนฯ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในสังคมวิสาหกิจเพื่อสังคมต่อไป ซึ่งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมจะเป็นผู้พิจารณาและดำเนินการต่อไป
"วิสาหกิจเพื่อสังคม จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการให้บริการประชาชน และเกิดเป็นสังคมที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สังคมที่เอื้ออาทร สังคมจิตอาสา และเป็นสังคมที่ไม่มีความเลื่อมล้ำ โดยอยากขอให้ทุกคนช่วยกัน เพื่อก้าวไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน" นายกอบศักดิ์ระบุ