นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างพิจารณาปรับหลักเกณฑ์การนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตามแนวทางที่นำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 11 ก.ย.62 เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในประเทศไม่สูงมากนัก และต้องผลักดันไปสู่เป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลาง LNG ภูมิภาคอาเซียน โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ กระทรวงฯยังต้องการส่งเสริมการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และให้ กฟผ.เปิดประมูลนำเข้า LNG จากตลาดจร (spot) ไม่เกิน 2 ล็อต หรือรวมไม่เกิน 1.8 แสนตัน ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อ 30 ส.ค.62 เพื่อทดสอบความพร้อมของกฟผ.และระบบโครงสร้างพื้นฐานตามข้อกำหนดของรัฐบาลที่เปิดให้บุคคลที่ 3 เข้ามาใช้คลังและท่อก๊าซฯของบมจ.ปตท. (Third Party Access :TPA) แต่การนำเข้าจะต้องอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม และราคาก๊าซฯต้องไม่ส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าโดยรวมของประเทศ
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ต้องยุติการเปิดประมูลนำเข้า LNG ของกฟผ.ก่อนหน้านี้ เนื่องจากที่ประชุม กบง. ยังมีข้อกังวลเรื่องของปริมาณนำเข้า 1.5 ล้านตันเหมาะสมหรือไม่ อีกทั้งเมื่อนำเข้ามาคำนวณในระบบซื้อขายก๊าซธรรมชาติ (Pool Gas) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ สูตรราคาเฉลี่ยเดิม คือ ก๊าซฯในส่วนที่ ปตท.นำเข้าจากเมียนมา และก๊าซฯในอ่าวไทย กับอีกส่วนคือ ราคาก๊าซฯของ กฟผ. ซึ่งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้พิจารณาแล้วพบว่า จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าในอัตรากว่า 2 สตางค์/หน่วย จึงจำเป็นต้องปรับรูปแบบการนำเข้าให้เหมาะสมก่อน