นายยอดชาย สุทธิธนกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสายการบินนกสกู๊ต เปิดเผยว่า ในไตรมาส 4/62 สายการบินนกสกู๊ตเปิดเส้นทางบินใหม่ กรุงเทพ-ซัปโปโร ที่เป็นจุดบินที่ 3 ในญี่ปุ่น ซึ่งจะเริ่มทำการบิน 27 ต.ค.62 ทำการบิน 4 เที่ยวบิน/สัปดาห์ และเพิ่มความถี่ กรุงเทพ-โตเกียวเป็น 11 เที่ยวบิน/สัปดาห์ จากเดิม 7 เที่ยวบิน/สัปดาห์ ในตารางบินฤดูหนาว เนื่องจากสายการบินโลว์คอสต์ในต่างประเทศยังมีการแข่งขันสูง การเปิดตลาดใหม่ก็ยังมีการแข่งขันที่ดุเดือดโดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่นที่ผู้โดยสารเดินทางซ้ำ
นอกจากนี้ สายการบินนกสกู๊ตยังมีแผนที่จะบินไปยังกรุงโซลของเกาหลีใต้ และหลายเมืองในอินเดีย
ในปีนี้ สายการบินนกสกู๊ตคาดว่าอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin Factor) เฉลี่ยที่ 80% จากเป้าหมาย 80-85% และจำนวนผู้โดยสารเติบโตเป็น 2 ล้านคน แม้ว่าในปีนี้คาดว่าสัดส่วนของผู้โดยสารจีนจะลดลงมาเหลือประมาณ 40-50% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 70% รองลงมาเป็นญี่ปุ่น 30%
ทั้งนี้ นกสกู๊ตคาดว่ารายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นตามกำลังการผลิต หลังจากได้รับมอบเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 อีก 2 ลำ รวมเป็น 7 ลำ จากปีก่อนมี 5 ลำ และคาดว่าจะขาดทุนลดลงจากปีก่อน
นายยอดชาย เชื่อว่า สายการบินนกสกู๊ตจะเป็นทางเลือกของผู้โดยสารที่ต้องการสายการบินโลว์คอสต์ที่มีที่นั่งสบายกว่ารายอื่น เพราะเครื่องบินที่ใช้บริการเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ขนาด 415 ที่นั่ง เป็นเครื่องบินลำใหญ่กว่าคู่แข่งและนั่งสบายได้ดีกว่าในระยะทางที่บินไกลขึ้นอย่างเช่นญี่ปุ่น จึงเห็นว่าราคาตั๋วโดยสารถูกเพียงอย่างเดียวคงจะไม่ใช่เป็นตัวตัดสินใจอย่างเดียว
ในวันนี้ บริษัท เนทติเซนท์ จำกัด (Netizen) ร่วมมือกับ SAP ในการพัฒนาระบบซอฟท์แวร์บริหารจัดการธุรกิจให้กับสายการบินนกสกู๊ต โดยมีการลงนามสัญญาในวันนี้ และจากนี้จะมีการพัฒนาร่วมกัน โดยคาดว่าจะเริ่มใช้ในวันที่ 1 ก.พ.63
นายยอดชาย กล่าวว่า อุตสาหกรรมการบินมีความจำเป็นต้องมีข้อมูลที่รวดเร็ว การเชื่อมโยงธุรกิจให้แข็งแกร่ง และเราก็ต้องการเพิ่ม Network ไม่ใช่เพียงจุดหมายปลายทาง แต่ยังร่วมถึงการบริหารที่เกี่ยวเนื่องเช่น รถยนต์ โรงแรม เป็นต้น โดยปัจจุบันอุตสาหกรรมการบินมีการแข่งขันที่เข้มข้น มีการช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาด ธุรกิจต้องขยายเส้นทางการบินเพื่อความอยู่รอด และต้องการรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้นแบบก้าวกระโดด รวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในยุค Digital Disruption จะส่งผลกับธุรกิจและเป็นความท้าทายธุรกิจการบินต้องเร่งปรับตัวเพื่อเข้าสู่กระบวนการ Digital Transformation
ดังนั้นการร่วมลงนามในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของสายการบินนกสกู๊ต โดยระบบ Netizen SAP ByDesign Arabica ที่จะช่วยรับข้อมุลการจัดการต่างๆจากระบบได้อย่างรวดเร็ว ลดต้นทุนการบริหารจัดการ วันผลการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรองรับการเปลี่ยนแปลงเพื่อสอดคล้องกับสภาวะการแข่งขันทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน
นายกฤษดา สาธุกิจชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Netizen กล่าวว่า ในฐานะที่ปรึกษาการวางระบบซอร์ต์แวร์การบริหารจัดการทางธุรกิจ ERP(Enterprise Resource Planning) Netizen ร่วมกับ SAP ในการพัฒนาระบบ SAP ERP ให้กับสายการบินนกสกู๊ต ด้วย Netizen SAP ByDesign Arabica โดยวางระบบด้วย Real Clound ERP ซึ่งเป็นการพัฒนาขึ้นมาเพื่อเจาะกลุ่มตลาดอุตสาหกรรมการบินโดยเฉพาะ โดยมีวัตถุประสงค์เพิ่มขีดความสามารถบริหารจัดการงานอย่างมีประสิทธิภาพท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้น
ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการบุกเบิกการวางระบบด้วย Real Clound ERP ครั้งแรกในอุตสาหกรรมการบินไทย ด้วยการนำร่องใช้งานอย่างเป็นทางการกับสายการบินนกสกู๊ต เป็นรายแรก เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในการบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กร ช่วยบริหารจัดการต้นุทน เน้นความแม่นยำ เพิ่มความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพในการแข่งขันของตลาดอุตสาหกรรมการบินที่มีการแข่งขันสูง ให้ดีขึ้น
"ระบบ Netizen SAP ByDesign Arabica จะช่วงเชื่อมโยงข้อมูล เป็นระบบที่อยู่บน Clound และ Realtime ที่สามารถดู Report ได้ทันที อยู่ที่ไหนก็ดูได้ ทำให้การตัดสินใจจะง่ายขึ้น และมี information ให้ดูได้ตลอดเวลา ซึ่งข้อมุบที่เห็นจะช่วยเชื่อมโยงทั้งระบบงานหน้าบ้านและหลังบ้านได้ดี"นายกฤษดา กล่าว