ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ชี้หากเหตุโจมตีอุตสาหกรรมน้ำมันซาอุฯ ยืดเยื้ออาจดันเงินเฟ้อปีนี้เพิ่มอีก 0.3%

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 16, 2019 17:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า สถานการณ์โรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ 2 แห่ง ของซาอุดิอาระเบียถูกโจมตีทางอากาศ (จากโดรน) ส่งผลกระทบให้ราคาน้ำมันดิบทั่วโลกในช่วงเช้าวันนี้ดีดตัวสูงขึ้นมากกว่า 10% หลังตลาดซื้อขายล่วงหน้าเปิดทำการ โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ซื้อขายในตลาดล่วงหน้าพุ่งสูงขึ้นเกือบ 12% หรือเพิ่มขึ้น 7.06 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล จากราคาปิดตลาดซื้อขายเมื่อช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 13 ก.ย.62 สู่ระดับ 67.28 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล (อ้างอิงราคาน้ำมันดิบเบรนท์จาก CNBC) เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกหวั่นวิตกต่อปัญหาการขาดแคลนอุปทานน้ำมันดิบ นั่นเป็นเพราะซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับ 1 ของโลก และความเสียหายที่เกิดขึ้นส่งผลให้ซาอุดิอาระเบียสูญเสียกำลังการผลิตน้ำมันดิบไป 5.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากกำลังการผลิตทั้งสิ้น 9.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็น 58.2% ของกำลังการผลิตน้ำมันดิบทั้งหมดของซาอุดีอาระเบีย และคิดเป็น 5.7% ของกำลังการผลิตน้ำมันดิบทั่วโลก (อยู่ที่ 99.24 ล้านบาร์เรลฯ ต่อวันในเดือนส.ค.62)

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินผลกระทบของเหตุการณ์นี้ต่อเศรษฐกิจไทย โดยแบ่งเป็น 2 กรณีตามระดับความรุนแรงของสถานการณ์การตอบโต้ ดังต่อไปนี้

1. กรณีฐานซาอุดีอาระเบียไม่ได้ใช้ความรุนแรงในการตอบโต้ อาทิ การข่มขู่ให้กลัว การตอบโต้โดยใช้มาตรการกีดกันทางการค้ากับอิหร่าน ก็น่าจะทำให้ราคาน้ำมันดิบทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่ 1-2 สัปดาห์เท่านั้น

ภายใต้สมมุติฐานนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะทยอยปรับตัวลดลงเข้าสู่ระดับเดิมก่อนเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ (ที่ระดับ 50-60 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล) ซึ่งอาจจะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉพาะในช่วงเดือนก.ย.-ต.ค.62 โดยคาดว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วง 4 เดือนหลังของปี 62 ปรับเพิ่มขึ้น 0.05% จากประมาณการเงินเฟ้อทั่วไปเดิม (กรณีที่ไม่มีเหตุการณ์โรงกลั่นน้ำมันของซาอุดีอาระเบียถูกโจมตีทางอากาศ) ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยตลอดทั้งปี 62 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 0.84%

2. กรณีที่ซาอุดีอาระเบียใช้ความรุนแรงในการตอบโต้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบโลกยืนอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 62 สถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นประกอบกับอุปทานน้ำมันดิบโลกที่ลดลง น่าจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในระดับที่สูงขึ้นมาอยู่ในกรอบ 70-80 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรลในช่วง 3-4 เดือนที่เหลือของปี 62 (จากเดิมที่เคลื่อนไหวใน 50-70 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรลในช่วง 8 เดือนแรกของปี 62) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยผ่านหลายช่องทางด้วยกัน

โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปน่าจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปี 62 โดยราคาน้ำมันดิบโลกที่ขยับขึ้นจะส่งผลต่อระดับราคาพลังงานในประเทศให้ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งน้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน ก๊าซ NGV รวมถึงก๊าซ LPG ซึ่งจะส่งผลต่อระดับราคาผู้บริโภคภายในประเทศทั้งทางตรงจากการบริโภคพลังงานที่มีราคาสูงขึ้น และทางอ้อมผ่านการปรับเพิ่มราคาสินค้าและบริการของผู้ประกอบการหลังแบกรับต้นทุนพลังงานที่แพงขึ้น เช่น อาหารทานนอกบ้าน ค่าโดยสารสาธารณะ (โดยเฉพาะค่าโดยสารเรือสาธารณะที่มีการปรับเพิ่มตามราคาน้ำมันดีเซลในประเทศ) เป็นต้น

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 70-80 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรลในช่วง 4 เดือนสุดท้าย (ก.ย.-ธ.ค.) ของปี 62 จะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลขยับขึ้นมาที่ระดับใกล้เคียง 30 บาทต่อลิตร (จากปัจจุบันที่ 26.09 บาทต่อลิตร) ซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยคาดการณ์ในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี 62 เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า จาก 0.72% (ประมาณการเงินเฟ้อทั่วไปในกรณีที่ไม่มีสถานการณ์โรงกลั่นน้ำมันของซาอุดีอาระเบียถูกโจมตี) มาอยู่ที่ 1.48% ซึ่งจะหนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปตลอดทั้งปี 62 ขยับขึ้นจากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 0.82% มาอยู่ที่ 1.08% หรือปรับเพิ่มขึ้น 0.3%

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ในกรอบ 70-80 ดอลลาร์ฯ ในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี 62 จะส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศของไทยในปี 62 เกินดุลลดลงราว 1,231 ล้านดอลลาร์ฯ จากมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปที่สูงขึ้น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินผลกระทบจากการเกินดุลการค้าที่ลดลง จะส่งผลต่อเนื่องไปยังอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในปี 62 ให้ลดลงราว 0.2-0.3% ขึ้นอยู่กับนโยบายภาครัฐในการดูแลราคาพลังงานในประเทศ อย่างไรก็ตาม การเกินดุลการค้าที่ลดลง อาจจะเป็นปัจจัยที่ช่วยบรรเทาแรงกดดันของค่าเงินบาทที่แข็งค่าจากการเกินดุลการค้าของไทยที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ