นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการซ้อมแผนรองรับสภาวะฉุกเฉินด้านพลังงาน ประจำปี 2562 พร้อมหน่วยงานภายในกระทรวงพลังงาน และหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง ร่วมซักซ้อมแผนฯ โดยจำลองสถานการณ์สมมติด้านพลังงานเพื่อเตรียมความพร้อมและสร้างความมั่นใจให้กับทุกภาคส่วน
จากสถานการณ์กรณีบริษัทน้ำมัน Aramco ของประเทศซาอุดีอาระเบียถูกโจมตีทำให้กระทรวงพลังงานตระหนักถึงความสำคัญของแผนรับมือสถานการณ์เพราะพลังงานถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม ภาคการขนส่งที่ใช้ในการขนส่งสินค้าและการคมนาคม โดยภารกิจของกระทรวงพลังงานคือการรักษาความมั่นคงและเสถียรภาพของพลังงานทุกประเภท และจัดสรรให้ทุกภาคส่วนมีใช้อย่างเพียงพอต่อความต้องการเมื่อเกิดสถานการณ์ความไม่สงบตามจุดต่างๆ ของโลกที่จะส่งผลต่อแหล่งผลิตหรือส่งออกเชื้อเพลิงด้านพลังงาน
โดยในการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการซ้อมแผนรองรับสภาวะฉุกเฉินด้านพลังงาน ประจำปี 2562 กระทรวงพลังงานได้จำลองสถานการณ์ "การปิดช่องแคบฮอร์มุซ" อันเกิดจากเหตุความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลเตหะรานของอิหร่าน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของไทยหายไปถึง 62% ต่อวัน และทำให้มีปริมาณน้ำมันไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ จนต้องมีการประกาศใช้มาตรการปันส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อบริหารจัดการแบ่งสรรปันส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับภาคส่วนที่มีความสำคัญและเพื่อความมั่นคงของประเทศ นอกจากนี้ สถานการณ์ดังกล่าวได้ถูกจำลองเพิ่มเติมให้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อหลาย ๆ ภาคส่วน ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือในการบริหารจัดการสถานการณ์ร่วมกันระหว่างกระทรวง กรม และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ดังนั้น ในการจัดสัมมนาเชิงปฎิบัติการซ้อมแผนฯ ในครั้งนี้ กระทรวงพลังงานจึงได้มีการเชิญหน่วยงานจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในการซักซ้อม จำนวนกว่า 33 หน่วยงาน เพื่อระดมความคิด วางแผนแนวทางในการบริหารการจัดสรรปันส่วนน้ำมันให้แก่ภาคส่วนต่างๆ ร่วมกัน เพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะเกิดขึ้น รวมถึงทดสอบกระบวนการการประสานงานระหว่างหน่วยงาน โดยแนวทางการตัดสินใจจากการซ้อมแผนฯ จะนำไปสู่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศต่อไป
ในส่วนของภาคประชาชนนั้น สามารถมีส่วนร่วมช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงให้เกิดความประหยัด ให้ความสนใจต่อข้อมูลข่าวสารจากภาครัฐ รวมทั้งให้ความร่วมมือต่อมาตรการในช่วงเวลาจำเป็นดังกล่าว ซึ่งจะเป็นการช่วยลดความความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่เกิดเหตุสภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานได้อีกทางหนึ่งด้วย
อนึ่ง กระทรวงพลังงานได้เห็นถึงความสำคัญดังกล่าว และได้มีการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการซ้อมแผนรองรับสภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานเป็นประจำทุกปี เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรของกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ฝึกปฏิบัติวิธีการสั่งการและการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการด้านพลังงานเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น รวมถึงเป็นการสร้างความมั่นใจต่อทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน รวมถึงประชาชนที่อาจจะได้รับผลกระทบ