นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามผลการจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจ (Ease of Doing Business) โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ธนาคารโลก (World Bank) เตรียมจะประกาศผลการจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจ (Ease of Doing Business) ในวันที่ 30 ต.ค.62 โดยภาพรวมเชื่อว่าไทยจะได้รับการพิจารณาปรับอันดับเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน จากปีก่อนที่อยู่ในอันดับที่ 27 โดยไทยยังเป็นรองประเทศในกลุ่มอาเซียนเพียง 2 ประเทศ คือ ประเทศสิงคโปร์ ที่อยู่อันดับ 1 ของโลก และประเทศมาเลเซียที่อยู่ในอันดับ 10 กว่า
พร้อมระบุว่า ในปี 2562 ภาครัฐได้ปรับกระบวนการทำงานเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการทำธุรกิจในทุกด้าน โดยงานในด้านสำคัญต่าง ๆ มีความก้าวหน้า ส่วนใหญ่เป็นงานในการอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ และประชาชน โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพ ผ่านเทคโนโลยี ลดจำนวนวัน ลดจำนวนเอกสาร เช่น การจดทะเบียนนิติบุคคล มีความคืบหน้าที่ดี ลดจำนวนวันในการทำงาน, การตรวจแบบการก่อสร้าง ที่ลดจำนวนวันลง
ประเทศไทยมีการปรับปรุงที่ชัดเจนในหลายด้าน จึงน่าจะส่งผลดีกับอันดับของไทย โดยเฉพาะเรื่องที่คาดว่าจะได้รับคะแนนค่อนข้างมาก เช่น การลดค่าใช้จ่ายของการไฟฟ้า ซึ่งทำได้ดี และไทยอยู่อันดับที่ 6 ของโลก นอกจากนี้ เป็นเรื่องการจดทะเบียนทรัพย์สินกับกรมที่ดิน ที่สามารถครอบคลุม เชื่อมโยงกว่า 400 สาขาทั่วประเทศ ลดขั้นตอนเรียกเอกสาร รวมทั้งกระบวนการทางศุลกากรที่มีการใช้ระบบ Pre Arrival Processing เต็มรูปแบบ จากปีก่อนที่อยู่ในช่วงนำร่อง และกระบวนการภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ของกรมสรรพากรที่ดำเนินการหลายเรื่อง
"เราทำตามคำแนะนำของเวิลด์แบงก์ ทำให้คาดว่าจากแนวโน้มการจัดการที่ดีขึ้นนี้ จะทำให้อันดับของไทยจะได้รับการพิจารณาเพิ่มขึ้น แต่การจะบอกว่าได้อันดับที่เท่าไร คงบอกได้ยาก อันดับที่ดีขึ้นเป็นประโยชน์กับประเทศอยู่แล้ว เพราะความสะดวกทางธุรกิจไม่ใช่แค่กับผู้ประกอบการไทย แต่ต่างชาติ ถ้าเห็นอันดับไทยขึ้น ก็จะเป็นผลบวกกับประเทศไทยด้วย" นายอุตตม กล่าว