นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับผู้ประกอบการสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพเกือบ 300 ราย พบว่ามีสินค้า 4 กลุ่มที่พร้อมให้ความร่วมมือทันที คือ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่จะปรับลดราคาลงมาตามกลไกตลาด, กลุ่มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยี่ห้อมาม่า ซึ่งจะตรึงราคาที่ซองละ 6 บาทต่อไปอีกนาน, กลุ่มสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน ทั้งยาสีฟัน, ผงซักฟอก, น้ำยาล้างจาน, สบู่ และกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปยี่ห้อพันท้ายนรสิงห์ที่จะตรึงราคาต่ออีก 6 เดือน
ส่วนสินค้าที่จะเร่งเจรจาหาข้อสรุปให้เร็วที่สุดมี 2 กลุ่ม คือ เนื้อหมู และค่าบริการโทรศัพท์มือถือที่จะต้องจบภายในวันที่ 6 มี.ค.นี้ แต่คาดว่าจะหาข้อสรุปได้ก่อนวันที่ 6 มี.ค. เพราะถือเป็นสินค้าที่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในวงกว้าง
"สินค้าบางกลุ่มยอมรับว่าต้นทุนสูงขึ้นจริง เช่น น้ำมันพืช ได้ขอให้กลับไปทำการบ้านเพื่อมาหารือกันอีกรอบ แต่ได้แนะนำว่า สินค้าบางตัวน่าจะใช้หลักเศรษฐศาสตร์ผลิตให้มากขึ้น เพื่อให้ต้นทุนและราคาต่อหน่วยต่ำ ซึ่งหากมีสินค้าเหลือก็จะสนับสนุนให้ส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่นิยมใช้สินค้าไทย" นายมิ่งขวัญ กล่าว
นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า จากที่ราคาเนื้อหมูหน้าเขียงในปัจจุบันที่ปรับขึ้นไปถึงละ 120 บาท/กก.นั้น กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปดูกลไกการการจำหน่ายทั้งหมด ตั้งแต่ราคาอาหารสัตว์, ผู้เลี้ยงหมู, โรงชำแหละ รวมถึงราคาหน้าเขียง ขณะที่ค่าบริการโทรศัพท์มือถือนั้น กระทรวงพาณิชย์จะนัดผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้ง AIS, DTAC, TRUEMOVE และ HUTCH มาขอความร่วมมือให้จัดทำแคมเปญราคาถูกนาน 3-6 เดือน
ส่วนสินค้ากลุ่มอุปโภคบริโภคที่เหลือได้ขอให้กลับไปศึกษาโครงสร้างการบริหารต้นทุนของแต่ละราย เพื่อนัดมาเจรจากลุ่มย่อยและหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกันอีกครั้ง ซึ่งจะต้องให้ได้ข้อสรุปภายในวันที่ 6 มี.ค.
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--